แห่เปิดขายกองทุน “หุ้นเซมิคอนดักเตอร์” จับเทรนด์อุตสาหกรรมยุคใหม่

บลจ.แห่เปิดขายกองทุน “หุ้นเซมิคอนดักเตอร์” ต่างประเทศ เพราะกำลังกลายเป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมโลกยุคใหม่ “บลจ.เกียรตินาคินภัทร-แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์-วี-ไทยพาณิชย์” นำร่อง

วันที่ 30 มิถุนายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ในไทย เริ่มทยอยเปิดขายกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทกลุ่มอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในต่างประเทศกันมาก เพราะถือว่ากำลังกลายเป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมโลกยุคใหม่

โดยเซมิคอนดักเตอร์ หรือชิปต่าง ๆ ถือได้ว่าเป็นมันสมองของโลกอิเล็กทรอนิกส์ในปัจจุบัน และเป็นกำลังหลักสำคัญของหลาย ๆ อุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นเฮลท์แคร์ การสื่อสาร คอมพิวเตอร์ การทหาร การขนส่ง พลังงานสะอาด อีกทั้งยังเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีในอนาคตอย่าง AI ควอนตัมคอมพิวเตอร์ และใช้ระบบเครือข่ายไร้สายอีกด้วย ตัวอย่างง่าย ๆ ให้เห็นภาพก็คงจะเป็นนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังมาแรง

ล่าสุดทาง บลจ.เกียรตินาคินภัทร ได้เปิดเสนอขายกองทุนเปิดเคเคพี เซมิคอนดักเตอร์ เฮดจ์ (KKP SEMICON-H) ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทกลุ่มอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่จดทะเบียนในสหรัฐ เพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุนและรับประโยชน์หุ้นกลุ่มที่มีแนวโน้มเติบโตดีในระยะยาวให้แก่นักลงทุนไทย โดยเริ่มเสนอขายครั้งแรก ระหว่างวันที่ 29 มิ.ย. – 6 ก.ค. 2564 นี้ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท

นายยุทธพล ลาภละมูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.เกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า บริษัทมองเห็นโอกาสการเติบโตในระยะยาว จากการลงทุนในกองทุนหุ้นต่างประเทศในกลุ่มอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ (semiconductor) จึงเปิดเสนอขายกองทุนดังกล่าว เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนได้มีส่วนร่วมกับการเติบโตของกลุ่มธุรกิจนี้ อีกทั้งเป็นทางเลือกกระจายการลงทุน โดยผู้ลงทุนสามารถพิจารณาแบ่งสัดส่วนการลงทุนได้ตามความเสี่ยงที่เหมาะกับตนเอง

โดยกองทุน KKP SEMICON-H จะเน้นลงทุนในกองทุนหลักต่างประเทศเพียงกองทุนเดียวคือ iShares Semiconductor ETF (กองทุนหลัก) ซึ่งมุ่งลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนที่สอดคล้องกับดัชนี ICE Semiconductor Index (ดัชนีอ้างอิง) อันประกอบไปด้วยหุ้นของบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศสหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนให้กับผู้ลงทุน กองทุน KKP SEMICON-H จะป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเกือบทั้งหมด คือไม่น้อยกว่า 90% ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ

“การลงทุนในตลาดหุ้นโลกยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้ในระยะยาวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจากการเปิดให้เดินทางระหว่างประเทศและกิจกรรมทางเศรษฐกิจในบางพื้นที่เริ่มกลับมาเป็นปกติ” นายยุทธพลกล่าว

ด้วยเหตุนี้ ทาง บลจ.เกียรตินาคินภัทร มองว่า ความผันผวนของตลาดหุ้นโลกในช่วงสั้นจากความกังวลเรื่องการปรับนโยบายทางเงินและการคลัง เป็นจังหวะดีสำหรับการทยอยเข้าลงทุนในตลาดหุ้นโลก โดยเฉพาะในธีมการลงทุนที่มีการเติบโตในระยะยาวและสอดคล้องกับแนวโน้มพฤติกรรมการบริโภคแนวใหม่ อาทิ หุ้นในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญและจำเป็นในการผลิตเครื่องมือสื่อสาร อุปกรณ์ไฟฟ้า ตลอดจนรถยนต์ไฟฟ้า บริษัทจึงนำเสนอกองทุนเปิด KKP SEMICON-H เพื่อเปิดโอกาสให้แก่ผู้ลงทุนไทยได้ลงทุนในหุ้นกลุ่มที่มีแนวโน้มเติบโตดีในระยะยาว

AFP PHOTO / TOSHIFUMI KITAMURA

นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กล่าวว่า ในปัจจุบันเซมิคอนดักเตอร์ หรือชิป (Chip) เป็นชิ้นส่วนสำคัญในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อนำไปผลิตในแผงวงจร เช่น แผนวงจรซับซ้อน (Printed Circuit Board หรือ PCB) ที่ใช้ในโทรศัพท์มือถือ 5G คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก รถยนต์ไฟฟ้า

รวมทั้งจากการใช้อุปกรณ์ Internet of Thing & (IoT) ที่เพิ่มสูงขึ้น ไปจนถึงเครื่องจักรในอุตสาหกรรมทุกรูปแบบ ซึ่งส่วนประกอบที่พบได้ทั่วไปคือ ซิลิคอน หรือซิลิเนียม ซึ่งหากมองถึงอนาคตของโลกดิจิทัล การผลิตอุปกรณ์ไฮเทคโนโลยีที่จะช่วยให้เราสะดวกสบายในการใช้ในชีวิตประจำวัน หรืออุปกรณ์และเครื่องจักรที่มีระบบ AI (ปัญญาประดิษฐ์) ในการควบคุมการทำงาน จำเป็นต้องอาศัยเซมิคอนดักเตอร์เป็นส่วนประกอบหลักสำคัญในการขับเคลื่อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

กองทุนเปิด แอล เอช เซมิคอนดักเตอร์ หรือ LHSEMICON เป็นกองทุนประเภท Feeder Fund โดยลงทุนในกองทุนหลัก ได้แก่ iShares Semiconductor ETF ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) เฉลี่ยไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนในรอบปีบัญชี โดยกองทุนนี้ได้จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq โดยมี BlackRock Fund Advisors (BFA) เป็นผู้จัดการกองทุน โดยกองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน และมีความเสี่ยงของกองทุนระดับ 7

ทั้งนี้ กองทุนหลักมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือน อยู่ที่ 3.98%, 6 เดือน อยู่ที่ 20.05%, นับตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 14.32% และ 1 ปี อยู่ที่ 73.47% เมื่อเทียบกับดัชนีอ้างอิง ICE Semiconductor Index ที่ 4.10%, 20.34%, 14.25% และ 74.52% ตามลำดับ (ที่มา : iShares Semiconductor ETF ณ วันที่ 31 พ.ค. 2564)

โดยกอง LHSEMICON เริ่มขายครั้งแรกวันที่ 22-28 มิถุนายน 2564 เริ่มต้น 1,000 บาท โดยมี 3 Class ให้เลือกลงทุนตามความต้องการของผู้ลงทุน

นายอิศรา พุฒตาลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วี กล่าวว่า บริษัทได้เปิดขายกองทุนเปิด วี อีโวลูชั่น ออฟ เซมิคอนดักเตอร์ (WE-EVOSEMI) ระหว่างวันที่ 17-23 มิ.ย. 2564 ลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท กองทุนมีนโยบายในการลงทุนหุ้นขนาดใหญ่-กลาง-เล็ก เป็น ETF ที่มีการคัดเลือกหุ้นในรูปแบบ Smart Beta คัดเลือกหุ้นที่มีแนวโน้มการทำกำไรได้ดีในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจหลักในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ผ่านกองหลัก Invesco Dynamic Semiconductors ETF ในสัดส่วน 70%

และเน้นลงทุนหุ้นขนาดใหญ่ในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ผ่านกองทุนหลัก VanEck Vectors Semiconductor ETF (SMH) ในสัดส่วน 30% เน้นลงทุนในบริษัทที่มีสภาพคล่องสูง เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจทั่วโลก และบริษัทมีรายได้อย่างน้อย 50% จากเซมิคอนดักเตอร์ โดยผู้จัดการกองทุนจะปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับภาวะตลาดของกลุ่มอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ และกองทุน WE-EVOSEMI จะมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลพินิจ (ในภาวะปกติจะประมาณร้อยละ 80% ของพอร์ต)

ตัวอย่างบริษัทที่กองทุนลงทุน เช่น 1. LAM Research (LRCX US : บริษัทอเมริกันที่ดำเนินธุรกิจออกแบบการผลิต การตลาดและบริการอุปกรณ์การประมวลผลเซมิคอนดักเตอร์ ที่ส่วนใหญ่ใช้ในการประมวลผลเวเฟอร์ส่วนหน้า รวมถึงการสร้างอุปกรณ์บรรจุภัณฑ์ เวเฟอร์ระดับ (WLP) และการผลิตอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ไมโครระบบเครื่องกลไฟฟ้า (MEMS)

ตัวอย่างบริษัทที่กองทุนลงทุน เช่น 1.LAM Research (LRCX US : บริษัทอเมริกันที่ดำเนินธุรกิจออกแบบการผลิต การตลาดและบริการอุปกรณ์การประมวลผลเซมิคอนดักเตอร์ ที่ส่วนใหญ่ใช้ในการประมวลผลเวเฟอร์ส่วนหน้า รวมถึงการสร้างอุปกรณ์บรรจุภัณฑ์ เวเฟอร์ระดับ (WLP) และการผลิตอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ไมโครระบบเครื่องกลไฟฟ้า (MEMS)

2.) TEXAS Instrument (TXN US) : เป็น 1 ในบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ 10 อันดับแรกของโลก ที่ออกแบบและผลิตเซมิคอนดักเตอร์และวงจรรวมต่างๆ ซึ่งขายให้กับนักออกแบบและผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก

3.) Applied Materials (AMAT US) : เป็นผู้นำด้านการผลิตรูปแบบชิปและจอแสดงผลขั้นสูง มีความเชี่ยวชาญในด้านวิศวกรรมการปรับเปลี่ยนวัสดุได้ในระดับอะตอม

4.) Qualcomm (QCOM US) บริษัทข้ามชาติสัญชาติอเมริกัน ที่สร้างเซมิคอนดักเตอร์ซอฟต์แวร์และบริการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีไร้สาย เป็นเจ้าของสิทธิบัตรที่มาตรฐานการสื่อสารเคลื่อนที่อย่าง 5G, 4G, CDMA2000, TD-SCDMA และ WCDMA

5.) Broadcom (AVGO US) : ผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลกที่ออกแบบ พัฒนาและจัดหาเซมิคอนดักเตอร์ ในโครงสร้างพื้นฐาน ซอฟต์แวร์ที่หลากหลาย ได้แก่ Data Center, Networking, Software, Broadband, Wireless, Storage and Industrial รวมถึงการบริการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลของศูนย์ข้อมูล สำหรับองค์กรและเมนเฟรมที่เน้นระบบอัตโนมัติ

นายอาชวิณ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการตลาด บลจ.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า บริษัทได้มองเห็นโอกาสการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor) ที่เป็นอุปกรณ์พื้นฐานในการขับเคลื่อนนวัตกรรม จึงได้เปิดเสนอขายกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Semiconductor (SCB Semiconductor : SCBSEMI) มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท เริ่มเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 8 – 14 มิ.ย. 2564 ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท

ทั้งนี้ปัจจุบันเทคโนโลยีมีความก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่ต้องอาศัยเซมิคอนดักเตอร์เป็นส่วนประกอบหลักสำคัญในการขับเคลื่อนโลกดิจิทัล ส่งผลให้ตลาดในกลุ่มนี้มีการเติบโตต่อเนื่องโดยคาดการณ์ว่าช่วงปี 2016 – 2022 จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 9% โดยกลุ่ม Data Processing และการสื่อสาร (5G) จะเติบโตมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ เนื่องจากการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อตอบสนองการใช้งานโครงข่าย Wireless, 5G และ Internet of things จะเป็นส่วนผลักดันสำคัญที่ทำให้รายได้และกำไรของบริษัทในกลุ่มนี้เติบโตในอีก 1-2 ปีข้างหน้า

เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว ได้แก่ VanEck Vectors Semiconductor UCITS ETF (กองทุนหลัก) ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) เฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ London Stock Exchange ประเทศอังกฤษ บริหารโดย VanEck Asset Management B.V. และอยู่ภายใต้ UCITS โดยกองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) ตามความเหมาะสมสำหรับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการลงทุน

ส่วนกองทุนหลักจะลงทุน มุ่งเน้นให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนี MVIS US Listed Semiconductor 10% Capped Index (MVSMCTR) โดยประกอบไปด้วยบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ กองทุนหลักมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 เดือน อยู่ที่ 1.80%, ตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 11.85% และตั้งแต่จัดตั้งอยู่ที่ 15.67% เทียบกับดัชนีอ้างอิง MVSMCTR อยู่ที่ 1.81%, 11.91% และ 15.57% ตามลำดับ (ที่มา: Vaneck ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564)