ทองคำดิ่งต่ำสุดรอบ 4 เดือน จับตาเฟดลด QE ฉุดราคา

(File Photo by Yasin AKGUL / AFP)

ส่องแนวโน้มราคาทองคำปลายปี แนวรับ 1,650 เหรียญ หลังรอบล่าสุดปรับตัวลงแรง ต่ำสุดรอบกว่า 4 เดือน เผชิญปัจจัยลบ คาดการณ์เฟดลด QE โบรกฯแนะหาจังหวะขายตอนรีบาวนด์ราคาใกล้แนวต้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลจาก MTS Gold (แม่ทองสุก) ชี้ว่า ล่าสุด (ณ 10 ส.ค. 2564) ราคาทองคำร่วงต่อเนื่อง 3 วันติด (ตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค.) ลงมาต่ำสุดรอบกว่า 4 เดือน โดยมาจากโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดปริมาณมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ลงเร็วกว่าคาดในการประชุมธนาคารกลางประจำปี ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง สหรัฐอเมริกา ในเดือน ส.ค.นี้

ทั้งนี้ ปัจจัยกดดันราคทองคำมาจากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าสูงสุดรอบ 2 สัปดาห์ อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยีลด์) รัฐบาลสหรัฐ อายุ 10 ปี ปรับขึ้น 1.324% ข้อมูลการจ้างงานและอัตราการว่างงานสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาด ตลอดจนกองทุน SPDR (กองทุนทองคำโลก) มีการเทขายทองคำต่อเนื่องในช่วง 3 วันทำการ (7-10 ส.ค.)

นางศิริลักษณ์ ปโกฏิประภา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ กล่าวว่า ราคาทองคำปลายสัปดาห์ก่อน กับต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับตัวลงค่อนข้างแรง โดยทองคำโลก (gold spot) ทำจุดต่ำสุดในรอบกว่า 4 เดือนที่ระดับ 1,680 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หลังจากนั้นก็มีแรงซื้อกลับเข้ามาอย่างรวดเร็ว

“หลังราคาทองคำปรับตัวลงมามากแล้ว จากนี้อาจจะมีการปรับตัวขึ้นทางด้านเทคนิค แต่น่าจะยังติดแนวต้านที่ 1,700-1,750 ดอลลาร์ อาจจะมีแรงเทขายทำกำไรออกมา ตอนที่ราคาเข้าใกล้แนวต้านจุดนี้ ทั้งนี้ สำหรับราคาทองแท่ง 96.5% แนวรับจะให้ไว้ที่ 27,250 บาท ส่วนแนวต้าน 27,700 บาท”

นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า ราคาทองคำโลกในสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มผันผวน จากความกังวลในการปรับลดวงเงิน QE ของเฟดในการประชุมเดือน ส.ค.-ก.ย.เป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำในระยะกลาง

โดยฝ่ายวิจัยประเมินกรอบทองคำในสัปดาห์นี้ที่ 1,700-1,760 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยแนะนำให้หาจังหวะ short เมื่อดัชนีปรับตัวขึ้นใกล้แนวต้าน

“แนะนำนักลงทุนว่า ตอนนี้ ถ้าราคารีบาวนด์ ก็ให้หาจังหวะขาย เพราะมองไปข้างหน้ายังมีข่าวลบรออยู่ คือข่าวที่เฟดอาจจะลด QE ลง โดยเราคาดว่าถ้าเฟดมีมติในช่วงการประชุมในเดือน ส.ค.นี้ ก็น่าจะเริ่มมีการลด QE ตั้งแต่เดือน ก.ย. 2564 ซึ่งทำให้ทองมีโอกาสจะลงได้อีก เพราะถ้าลด QE ดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้น” นายณัฐวุฒิกล่าว

นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า หลังจากปลายเดือน ส.ค.ไปแล้ว ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวลดลง หากเฟดลด QE โดยหากหลุด 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไป ก็น่าจะไปยืนอยู่แถว 1,650 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ส่วนแนวต้านมองที่ระดับ 1,760-1,780 ดอลลาร์ต่อออนซ์

อย่างไรก็ดี ทองคำในประเทศได้ประโยชน์จากสถานการณ์เงินบาทที่อ่อนค่าลงมาก โดยจากเดือน เม.ย.ที่ราคาทองคำโลกอยู่ที่ 1,707 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากนั้นราคาปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่ 1,804 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำในประเทศปรับตัวขึ้นจาก 25,450 บาท ไปสูงที่สุดที่ 28,500 บาท ก่อนจะลดลงในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำหลังจากนี้น่าจะกลับไปที่ระดับ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ค่อนข้างยาก ส่วนราคาต่ำสุดในช่วงที่เหลือของปีนี้ไม่น่าจะลงไปต่ำกว่า 1,650 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์