XPG กางแผนพัฒนาธุรกิจ กับเงินทุนหมื่นล้านในมือ

เอ็กซ์สปริง หรือ XPG กางแผนพัฒนาธุรกิจแบบ “Transformation & Leap Forward” มุ่งสู่การเป็นผู้ให้บริการทางการเงินครบวงจร โดยภายหลังการเพิ่มทุนทำให้เอ็กซ์สปริงมีเงินทุนในมือกว่า 10,000 ล้านบาท เชื่อมั่นรายได้จะเติบโตก้าวกระโดดในปี 2565 รับตลาดเงินดิจิทัลโลก

วันที่ 17 สิงหาคม 2564 นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานกรรมการ บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (XPG) กล่าวว่า ภายหลังการเพิ่มทุนทำให้เอ็กซ์สปริงมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีสภาพคล่องทางการเงินสูง ด้วยเงินทุนจากสัดส่วนผู้ถือหุ้นเดิม 3,094 ล้านบาท และสัดส่วนการเพิ่มทุนอีก 7,111 ล้านบาท ทำให้เอ็กซ์สปริงมีเงินทุนในมือกว่า 10,000 ล้านบาท

โดยเอ็กซ์สปริงจะเดินหน้าตามแผนธุรกิจ “Transformation & Leap Forward” อย่างเต็มรูปแบบมุ่งสู่การเป็น “Digital Financial Service” ผู้ให้บริการทางการเงินครบวงจร นอกจากหุ้น, พันธบัตร เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนได้หาผลตอบแทนแบบที่ความเสี่ยงอยู่ในเกณฑ์รับได้

โดยตั้งแต่ไตรมาส 2 บริษัทได้บริหารสินทรัพย์ เอ็กซ์สปริง เอ เอ็ม ซี จำกัด “XSpring AMC” ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่จับมือกับแสนสิริ “ร่วมลงทุนในกองสินทรัพย์” รวมทั้งธุรกิจ Digital Finance มากขึ้น ผ่านเอ็กซ์สปริง ดิจิทัล ผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเค็นดิจิทัลในประเทศไทย (ICO Portal) ได้ออก ICO 2 ตัวในปีนี้ คือ “โทเค็นดิจิทัลเพื่อการลงทุนสิริฮับ” (SiriHub Investment Token) ซึ่งเป็น Real Estate-backed ICO ตัวแรกของไทยที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

“ซึ่งสิริฮับ โทเค็น มีลักษณะคล้ายกับหุ้นกู้ แต่ต่างกันตรงที่สิริฮับจะได้เงินจากกระแสเงินสดที่เกิดจากตึกสิริ แคมปัส ซึ่งเป็นตึกที่มีคุณภาพดีที่มีราคาประเมินเมื่อ 2 ปีที่แล้วอยู่ที่ 2.4 พันล้านบาท ซึ่งให้ผลตอบแทนที่ดี”

และ “Ready to use Utility Token” ที่เตรียมเปิดตัวเป็นครั้งแรกในวงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์และ EV Charging Ecosystem ของประเทศไทย ซึ่งเป็นความร่วมมือกับชาร์จ แมเนจเม้นท์ (SHARGE) ผู้ให้บริการเบอร์หนึ่งด้านการให้บริการชาร์จรถ EV ครบวงจร รวมถึงการเปิดรับคริปโทฯในการซื้อที่อยู่อาศัยและชำระค่าส่วนกลางของแสนสิริทุกโครงการ ครั้งแรกของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย

ทั้งนี้เอ็กซ์สปริงได้มองเห็นเทรนด์การเติบโตแบบก้าวกระโดดของธุรกิจการเงินดิจิทัลทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกที่มีมูลค่ากว่า 40 ล้านล้านบาท โดยวางเป้าการเติบโตไปพร้อมตลาดโลกผ่านสินทรัพย์ที่จะมาแทนที่เงินสกุลต่าง ๆ เช่น คริปโทเคอร์เรนซี และการซื้อขายทองคำผ่านระบบดิจิทัล

โดย 3 จุดแข็งของเอ็กซ์สปริง ภายหลังการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ คือ พันธมิตร–เงินทุนที่แข็งแกร่ง และการมี 17 ไลเซนส์ในมือ โดยมีการตั้งเป้าว่าในปีนี้จะได้ไลเซนส์เพิ่มอีก 4 ไลเซนส์

“มองว่าในอีก 3-5 ปีข้างหน้าเอ็กซ์สปริงจะมี Ecosystem มีแพลตฟอร์มที่นักลงทุนจะสามารถเลือกลงทุนได้ทั้งการลงทุนในรูปแบบเดิมหรือ Digital Asset ซึ่งการที่จะมีแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่งเพื่อเป็นทางเลือกที่ดีให้นักลงทุนได้นั้น ทางทีมก็มีการเตรียมทีมพัฒนาที่จะเข้ามาดูแลเพื่อทำให้แพลตฟอร์มนี้มีความสมบูรณ์มากขึ้นเพื่อการลงทุนในอนาคต” นายระเฑียรกล่าว

สำหรับผลประกอบการของเอ็กซ์สปริง แคปปิตอล ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ 2564 มีรายได้รวมส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลงทุนแล้ว 167 ล้านบาท สูงกว่ารายได้รวมส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลงทุนของทั้งปี 2563 ที่มีจำนวนรวม 141 ล้านบาท กำไรสุทธิ อยู่ที่ 65 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 791% ทั้งนี้คาดว่าในปี 2565 จะมีรายได้เติบโตแบบก้าวกระโดด