VGI-U ทุ่มเงิน 1.92 หมื่นล้าน ซื้อหุ้น “JMART-SINGER” เพิ่มโอกาสธุรกิจ

บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ส่งบริษัท “วีจีไอ-ยู ซิตี้” ทุ่มเงินรวมกว่า 19,236 ล้านบาท เข้าลงทุนซื้อหุ้น “เจมาร์ท-ซิงเกอร์” เพิ่มโอกาสธุรกิจ ด้าน “U” ใช้เงินรวม 12,211 ล้านบาท ถือหุ้น JMART สัดส่วน 9.90%-SINGER สัดส่วน 24.90% ฟาก “VGI” ใช้เงินรวม 7,025 ล้านบาท ถือหุ้น JMART สัดส่วน 15% คาดธุรกรรมเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 4/64

วันที่ 27 สิงหาคม 2564 นางสาวสรญา เสฐียรโกเศศ กรรมการ บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ U รายงานตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 26 สิงหาคม 2564 ได้มีมติอนุมัติการเข้าลงทุนในบริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) (JMART) และบริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) (SINGER) โดยการเข้าจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ JMART จำนวน 136,119,587 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ในราคาจองซื้อหุ้นละ 30.3370 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 4,129.46 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทถือหุ้นใน JMART ในสัดส่วน 9.90% ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของ JMART

และอนุมัติการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ SINGER จำนวนไม่เกิน 197,108,696 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ในราคาจองซื้อหุ้นละ 36.3005 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 7,155.14 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทถือหุ้นใน SINGER ในสัดส่วน 24.90% ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของ SINGER

ทั้งนี้ U จะได้มาซึ่งใบสำคัญแสดงสิทธิ JMART-W6 ที่จัดสรรให้แก่ผู้ลงทุนที่จองซื้อและได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกและเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) จำนวน 16,723,002 หน่วย โดยไม่คิดมูลค่าการเสนอขาย อัตราการใช้สิทธิ 1 หน่วยต่อ 1 หุ้นสามัญของ JMART ในราคาใช้สิทธิ 30.3370 บาทต่อหุ้น หากบริษัทได้มีการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิครบจำนวน จะคิดเป็นมูลค่าการลงทุน 507.33 ล้านบาท และได้มา SINGER-W3 จำนวน 11,557,681 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 หน่วยต่อ 1 หุ้นสามัญของ SINGER ในราคาใช้สิทธิ 36.3005 บาทต่อหุ้น จะคิดเป็นมูลค่าการลงทุน 419.55 ล้านบาท

ธุรกรรมครั้งนี้คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 12,211.48 ล้านบาท โดยใช้แหล่งเงินทุนจาก 1.เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินจำนวน 10,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง 2% ถึง 5% ต่อปี ทั้งนี้การกู้ยืมจากสถาบันการเงินดังกล่าว ไม่มีเงื่อนไขที่มีผลกระทบต่อสิทธิของผู้ถือหุ้น และ 2.กระแสเงินสดภายในของบริษัท

เนื่องจากในปัจจุบันธุรกิจประเภทการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า บริการ และโรงแรม ซึ่งธุรกิจของบริษัท ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด จึงมีความต้องการลงทุนในธุรกิจประเภทใหม่ ซึ่งมีความสนใจในกลุ่มธุรกิจของ SINGER ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า การให้บริการเช่าซื้อ การให้บริการสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน การให้บริการทางการเงินอื่น ๆ รวมไปถึงการให้บริการเป็นนายหน้าประกันชีวิตและประกันภัย ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่บริษัท มองว่าเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มในการเติบโตที่ดีในอนาคต และจะช่วยเสริมสร้างให้บริษัทฯ มีผลประกอบการที่ดีขึ้นจากการลงทุนดังกล่าว

นอกจากนี้ บริษัทเห็นว่า JMART ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจลงทุนในธุรกิจอื่น โดยมีธุรกิจหลักคือการจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่และสินค้าที่เกี่ยวข้องกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ รวมไปถึงอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ทั้งการค้าปลีกและค้าส่ง และลงทุนในธุรกิจหลากหลาย จะช่วยเสริมสร้างให้บริษัทมีการดำเนินประเภทธุรกิจที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น และธุรกรรมการเข้าลงทุนใน JMART และ SINGER จะช่วยเสริมสร้างให้บริษัทมีผลประกอบการที่ดีขึ้นจากการลงทุนและลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และโรงแรม ซึ่งจะช่วยให้บริษัทมีพันธมิตรใหม่ทางธุรกิจที่ช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจในอนาคต

นายมารุต อรรถไกวัลวที กรรมการผู้มีอำนาจ บริษัท วีจีไอ จํากัด (มหาชน) (VGI) รายงานตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2564 ได้มีมติอนุมัติการจองหุ้นสามัญเพิ่มทุน JMART ที่จะออกและเสนอขายให้แก่บริษัท ในรูปแบบของการออกและเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) จํานวน 206,241,800 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ในราคาจองซื้อหุ้นละ 30.3370 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 6,256.76 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้บริษัทถือหุ้นใน JMART ในสัดส่วน 15% ของจํานวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของ JMART โดยคาดว่าธุรกรรมครั้งนี้จะเสร็จสมบูรณ์ภายในไตรมาส 4/2564

และได้มาซึ่งใบสำคัญแสดงสิทธิ JMART-W6 จํานวน 25,337,882 หน่วย โดยไม่คิดมูลค่าการเสนอขาย อัตราการใช้สิทธิ 1 หน่วยต่อหุ้นสามัญของ JMART จํานวน 1 หุ้น ในราคาใช้สิทธิ 30.3370 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าลงทุน 768.68 ล้านบาท

ธุรกรรมครั้งนี้คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 7,025.43 ล้านบาท โดยใช้แหล่งเงินทุนจาก 1.กระแสเงินสดภายในของบริษัทประมาณ 5-10% ของมูลค่าเงินลงทุน ทั้งนี้การใช้เงินลงทุนดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการดําเนินงานของบริษัท และความสามารถในการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้น

2.เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน 90-95% ของมูลค่าเงินลงทุน ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง 0.9% ถึง 4% ต่อปี ทั้งนี้ การกู้ยืมจากสถาบันการเงินดังกล่าว ไม่มีเงื่อนไขที่มีผลกระทบต่อสิทธิของผู้ถือหุ้น

ปัจจุบันธุรกิจหลักด้านสื่อโฆษณา ธุรกิจบริการชําระเงิน และธุรกิจโลจิสติกส์ รวมถึงธุรกิจนําเข้าและจัดจําหน่ายอุปกรณ์ Gadget จากประเทศจีนที่บริษัทเพิ่งเข้าลงทุนผ่านบริษัท แฟนส์ลิ้งค์ คอมมูนิเคชั่น จํากัด เมื่อเดือนสิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา บริษัทเล็งเห็นว่า JMART ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจลงทุนในธุรกิจอื่น

โดยมีธุรกิจหลัก คือ การจําหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่และสินค้าที่เกี่ยวข้องกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ รวมไปถึงอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องในรูปแบบค้าปลีกและค้าส่ง เป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากแนวโน้มการทํางานและการเรียนหนังสือที่บ้านที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

จะช่วยสร้างประโยชน์และส่งเสริมระบบนิเวศทางธุรกิจ ณ ปัจจุบันของบริษัท อาทิ การขยายช่องทางการจัดจําหน่ายสินค้าประเภท Gadget ซึ่งจัดจําหน่ายโดยบริษัทในกลุ่มของบริษัท ผ่านพื้นที่ค้าปลีกของบริษัทภายใต้กลุ่ม JMART, การขยายจุดรับสินค้า (Pick-up Counters) และจุดให้บริการ (Service Points) ของ JMART บนสถานีรถไฟฟ้า และการใช้เครือข่ายการขนส่งสินค้าของบริษัทในกลุ่ม VGI รวมไปถึงการปรับใช้เทคโนโลยีด้านการเงินที่ทันสมัยร่วมกับระบบนิเวศทางธุรกิจของกลุ่มบริษัท นอกจากนี้ การเข้าทําธุรกรรมในครั้งนี้ยังช่วยเพิ่มความหลากหลายทางธุรกิจของกลุ่มบริษัทมากยิ่งขึ้น และก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ถือหุ้นโดยรวม

อย่างไรก็ดี มูลค่าการลงทุนของทั้ง 2 บริษัท คิดเป็นเม็ดเงินรวมประมาณ 19,236.91 ล้านบาท

คลิกอ่าน >> https://www.set.or.th/set/pdfnews.do?newsId=16300206366431&sequence=0


คลิกอ่าน >> https://www.set.or.th/set/pdfnews.do?newsId=16299349752031&sequence=2021095981