คลังรับลูกนายกฯเร่งช่วยผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เล็งเพิ่มวงเงินค่าน้ำ–ค่าไฟ คาดสรุป ต.ค.นี้ ลุ้น ! เปิดลงทะเบียนรอบใหม่ผ่านแบงก์รัฐ มีรถยนต์หลายคัน-ถือบัตรเครดิต อาจไม่ผ่านเกณฑ์
วันที่ 19 กันยายน 2564 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้กระทรวงการคลัง เร่งทบทวนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนอย่างทั่วถึง เนื่องจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ดำเนินการมาเป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว ดังนั้น จึงถึงเวลาที่จะต้องทบทวนและปรับปรุงเงื่อนไขให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ถือเป็นการสำรวจข้อมูลประชาชนอีกครั้งด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) สรุปเงื่อนไขการช่วยเหลืออยู่
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ราคาทองวันนี้ (24 เม.ย. 67) พุ่งขึ้น 250 บาท ทองรูปพรรณ 41,100 บาท
“ขณะนี้กำลังรอ สศค.สรุปเงื่อนไขการช่วยเหลือมาเสนอก่อน จึงจะสามารถสรุปเสนอนายกรัฐมนตรีได้ในเร็ว ๆ นี้”
ด้านนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ขณะนี้ สศค.อยู่ระหว่างปรับปรุงเงื่อนไขบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใหม่ คาดว่าภายในเดือน ต.ค.นี้ จะมีข้อสรุปอย่างแน่นอน โดยในเบื้องต้นจะพิจารณาหลักเกณฑ์การช่วยเหลือเพิ่มเติม ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มวงเงินช่วยเหลือค่าน้ำ และค่าไฟ จากปัจจุบันช่วยเหลืออยู่คนละ 230-300 บาทต่อเดือน
ส่วนจะปรับเพิ่มเป็นอัตราเท่าใด รวมถึงการเพิ่มสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับสวัสดิการอื่น ๆ นั้น จะต้องรอ สศค.สรุป และเสนอให้คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมพิจารณา เพื่อเสนอ ครม.อนุมัติก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันมีผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ราว 13.65 ล้านคน ซึ่งมีคุณสมบัติภายใต้เกณฑ์เดิมที่กำหนดไว้ ดังนี้ มีสัญชาติไทยอายุ 18 ปีขึ้นไป ว่างงานหรือมีรายได้ส่วนตัวไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ไม่มีทรัพย์สินทางการเงิน เช่น เงินฝากธนาคาร, สลากออมสิน, สลากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.), พันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ หรือถ้ามีทรัพย์สินดังกล่าวจะต้องมีรวมกันไม่เกิน 100,000 บาท
ส่วนเกณฑ์ใหม่ที่จะนำมาพิจารณาเพิ่มเติมเข้ามา คือ การนำรายได้ต่อครัวเรือน รวมทั้งกรณีมีรถยนต์ 2-3 คัน และการถือบัตรเครดิต มาพิจารณาประกอบด้วย ส่วนหน่วยงานรัฐที่จะเปิดรับลงทะเบียนใหม่นั้น ในเบื้องต้นจะใช้สถาบันการเงินของรัฐเป็นหลัก