โบรกฯจับตาประชุมธนาคารกลางสหรัฐ 2-3 พ.ย. ชี้วัดการลงทุนตลาดหุ้นโลก

บล.เอเซีย พลัส จับตาประชุมธนาคารกลางสหรัฐ 2-3 พ.ย.นี้ กับท่าทีทำ QE-ขึ้นดอกเบี้ยนโบาย ชี้วัดน้ำหนักลงทุนต่อตลาดหุ้นโลก

 

วันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจัยสำคัญที่มีน้ำหนักต่อตลาดหุ้นโลกในสัปดาห์นี้ คงหนีไม่พ้นการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในระหว่างวันที่ 2-3 พ.ย. 2564 (ทราบผลราวกลางดึกของคืนวันที่ 3 พ.ย. 64 ตามเวลาไทย) ตลาดยังมองว่า Fed จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0-0.25% ต่อไป แต่ประเด็นที่ตลาดให้น้ำหนักคือการส่งสัญญาณปรับลดวงเงิน QE เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวอย่างชัดเจน

ทั้งนี้ Fed ส่งสัญญาณล่าสุดผ่านรายงานการประชุม (Fed Minute) ของการประชุมเดือน ก.ย. 64 ว่า กระบวนการ QE Tarping จะเกิดเร็วสุดในช่วงกลางเดือน พ.ย. 64 โดยวงเงิน QE จะลดลงจาก 1.2 แสนล้านเหรียญต่อเดือน เหลือประมาณ 1.05 แสนล้านเหรียญต่อเดือน ส่งผลให้ประเด็น QE Tarping เป็นประเด็นให้น้ำหนักในการประชุมครั้งนี้

ประเมินผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย จากความกังวลเรื่องการประกาศ QE ฝ่ายวิจัยเอเซีย พลัสประเมินว่าแรงกดดันต่อตลาดหุ้นไทยปรับฐานถือว่าเป็นช่วงปลายแล้ว เนื่องจาก 1.ตลาดหุ้นโลกและตลาดหุ้นไทยรับรู้ประเด็นนี้ไปมากแล้ว

2.แรงขายต่างชาติที่คาดจะกดดันฟันด์โฟลว์ไหลออกค่อนข้างจำกัด เห็นได้จากสัดส่วนการถือครองหุ้นไทยจากนักลงทุนต่างชาติ ถือว่าอยู่ในระดับต่ำมากไม่ถึง 20% แตกต่างกับช่วง QE Tapering ปี 2556 ที่ต่างชาติถือครองหุ้นไทยทางตรงสูงถึง 27.8%

ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ตลาดคาดว่า Fed จะมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี’65 สะท้อนจากผลสำรวจของ Bloomberg ที่ปัจจุบันพบว่า ตลาดการเงินคาดโอกาสที่ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมช่วงกลางปี 65 มีราว 38.3-52.2% ซึ่งแตกต่างจากผลสำรวจเมื่อต้นเดือน ก.ย.64 ที่เคยพบว่ามีโอกาสปรับขึ้นเพียง 8.6-26.3% เท่านั้น

อีกฝั่งหนึ่งคือ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยไทย ฝ่ายวิจัยเอเซีย พลัสคาดว่าอัตราดอกเบี้ยไทยน่าจะขึ้นตามหลัง Fed เนื่องจากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้ากว่า เพราะปัจจุบัน GDP งวดไตรมาส 2/64 มีมูลค่า 2.61 ล้านล้านบาท หรือยังคงต่ำกว่ามูลค่า ณ งวดไตรมาส 4/62 ที่ 2.71 ล้านล้านบาท ถึง 3.8% ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยยังจำเป็นต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง โดยไทยน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไปจนถึงช่วงครึ่งหลังปี’65 หรืออาจจะคงไปตลอดทั้งปี 2565 ได้

โดยภาพรวมจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยไทยที่ทรงตัวในระดับต่ำต่อไป ฝ่ายวิจัยเอเซีย พลัสประเมินจะหนุนให้ภาวะการแสวงหาผลตอบแทน (Search For Yield) ของนักลงทุนยังมีอยู่ ส่งผลให้ตลาดหุ้นในฐานะที่เป็นตลาดการเงินที่ให้ผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจยังได้รับอานิสงส์จากการ Search For Yield ของนักลงทุนต่อไป โดยเฉพาะนักลงทุนในประเทศ