รมช.คลัง สั่งกรมศุลฯ รื้อโครงสร้างภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า หนุนนโยบายรัฐ

อีวี

รมช.คลัง สั่งศุลกากร รื้อโครงสร้างภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า หนุนนโยบายรัฐ ช่วยกระตุ้นคนซื้อเพิ่มจูงใจลงทุนในประเทศ ด้านมาตรการส่งเสริมใช้อีวี ต้องรอทำแพ็กเกจรวมก.พลังงาน.มหาดไทย

วันที่ 10 มกราคม 2565 นายสันติ พรัอมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมศุลกากรเร่งศึกษารายละเอียดการปรับโครงสร้างภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า หรือรถอีวีทั้งระบบ เพราะขณะนี้ภาษีนำเข้ารถยนต์ของแต่ละประเทศยังมีความแตกต่างกันอยู่ เช่น จีนได้รับสิทธิความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไม่ต้องเสียภาษีแต่หากผลิตในบางประเทศ เช่น ยุโรป สหรัฐอเมริกา ยังคงเสียภาษีในอัตราสูงอยู่ เนื่องจากไม่มีความตกลงการค้าเสรีกับประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยสนับสนุนให้คนไทยปรับเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า และจูงใจให้เกิดการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศเพิ่ม ตามนโยบายของรัฐบาล

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

การปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า จะต้องจูงใจให้มีการใช้มากขึ้น แต่ขณะเดียวกันต้องไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตรถยนต์ในประเทศ เนื่องจากประเทศไทย เป็นฐานการผลิตรถยนต์เพื่อการส่งออก ดังนั้นการปรับภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า ก็ต้องสมดุลกัน ทั้งสองขา ทั้งคนใช้และผู้ผลิต อย่างไรก็ตาม หากปรับภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า แต่ภาษีของแต่ละประเทศคงไม่จำเป็นต้องเท่ากัน แต่จะมีความสมดุลกันมากขึ้น  แต่ในอนาคตราคารถยนต์ไฟฟ้าจะถูกลงอย่างแน่นอน และมีหลากหลายรุ่น ให้ลูกค้าได้เลือก

นายสันติ กล่าวต่อว่า ส่วนมาตรการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ที่ยังไม่เสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในช่วงนี้เนื่องจากต้องรอคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) พิจารณาออกมาเป็นแพ็กเกจโดยรวม ซึ่งนอกจากเรื่องภาษีของคลังแล้ว ก็ยังมีมาตรการด้านการลงทุน มาตรการของกระทรวงพลังงาน และกระทรวงมหาดไทย ที่ดูแลเกี่ยวกับภาษีท้องถิ่นเข้ามาร่วมพิจารณาด้วย แม้ในส่วนของเรื่องภาษี กระทรวงการคลังจะทำเสร็จแล้วก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมแนวโน้มภาษีรถยนต์ไฟฟ้า ส่วนตัวเชื่อว่าจะลดลง เพื่อต้องการส่งเสริมให้คนไทยหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น แต่การปรับอาจเป็นแบบขั้นบันได และภาษีรถยนต์ขนาดเล็ก น่าจะมีอัตราต่ำกว่ารถขนาดใหญ่โดยคิดตามอัตรากำลังไฟฟ้าที่ใช้  ซึ่งรัฐบาลจะเข้าไปส่งเสริมเรื่องสถานีชาร์จให้ขยายจุดมากยิ่งขึ้น ให้ครอบคลุมทั้งประเทศ โดยในอนาคตจะสนับสนุนการลงทุนสถานีชาร์จ ที่ใช้แผงโซลาร์เซลล์ด้วย เพื่อประหยัดต้นทุนการชาร์จไฟ

นอกจากนี้ คลังจะช่วยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศ รวมถึงอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องเร่งปรับตัว รองรับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า  เพราะหากไม่ปรับตัว อาจต้องเลิกกิจการได้ เพราะโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น รถยนต์ไฟฟ้าจะใช้ชิ้นส่วนน้อยกว่ารถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป ดังนั้น ชิ้นส่วนบางชิ้นเช่น เพลาหลัง ระบบเกียร์ก็จะไม่ต้องใช้ หากใครผลิตจะต้องมีการปรับปรุงไปใช้ชิ้นส่วนอื่นแทน

ที่ผ่านมามีตัวอย่างให้เห็นแล้ว เช่น กรณีของ กล้องใช้ฟิล์ม ที่ไม่ปรับตัว  ในที่สุดก็ต้องปิดกิจการ และถูกกล้องดิจิทัลเข้าแทนที่ เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมการรถยนต์ในประเทศไทย หากไม่ปรับตัว หันมาผลิตอุปกรณ์ที่ใช้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า  ก็อาจถึงขั้นต้องลดกำลังการผลิต และปิดตัวได้