หุ้นเวียดนามผลตอบแทนยืนหนึ่ง “จิตตะ เวลธ์” จัดอันดับปี 64

เวียดนาม

บลจ.จิตตะ เวลธ์ เผยปี 2564 ผลตอบแทนลงทุนในหุ้นรายประเทศพุ่งแรง  โชว์ผลตอบแทน Jitta Ranking หุ้นเวียดนาม ยืนหนึ่งโตถึง 68.72% ด้าน “ซีอีโอ” ชี้ชัดบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนา AI และออกแบบอัลกอริทึมล่าสุด เฟ้นหา ‘หุ้นดี ราคาเหมาะสม’ ได้แม่นยำยิ่งขึ้น และสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นกว่าเดิม

วันที่ 13 มกราคม 2565 นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด  กล่าวว่า  ปี 2564 เป็นปีที่เศรษฐกิจและตลาดหุ้นทั่วโลกยังเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง แต่เศรษฐกิจและตลาดหุ้นทั่วโลกกลับเดินหน้า เพราะทุกประเทศสามารถปรับตัวรับมือกับการระบาดรอบใหม่และเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ รวมทั้งอัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มสูงขึ้น

ส่งผลให้การเติบโตทางด้านเศรษฐกิจเกือบทุกประเทศ พลิกกลับมาเป็นบวก และโตในอัตราที่สูงจากฐานปี 2563 ที่ทรุดหนักเกือบทั่งโลก ขณะเดียวกันดัชนีตลาดหุ้นพลิกกลับมาเป็นบวก บางตลาดสามารถทำสถิติสูงสุดได้ต่อเนื่องภายในปีเดียว บ่งชี้ว่า ทุกประเทศทั่วโลกผ่านประสบการณ์และบทเรียนจากการระบาดรอบแรก รู้วิธีการรับมือแก้ปัญหา เมื่อมีการระบาดรอบใหม่ๆ ขณะที่ประชาชนสามารถใช้ชีวิตและดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี

ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์
ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์

สำหรับ AI อัลกอริทึมของ บลจ. จิตตะ เวลธ์ จำกัด ยังทำงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง ด้วยนโยบายการลงทุนของกองทุนส่วนบุคคล Jitta Ranking ที่นำผลวิเคราะห์หุ้นทั้งหมดในแต่ละประเทศ มาจัดอันดับ ‘หุ้นดีราคาถูก น่าลงทุน’ ตามหลักการ Warren Buffett โดยจะดูจาก 3 ปัจจัยหลักๆ ได้แก่ คุณภาพของธุรกิจ มูลค่าที่เหมาะสม และโอกาสเติบโตสร้างกำไรของธุรกิจ จากนั้น จะเลือกหุ้นที่น่าลงทุนที่สุดตามการจัดอันดับ ระบบจะซื้อหุ้นแต่ละตัวในสัดส่วนใกล้เคียงกัน เพื่อกระจายความเสี่ยง และรีวิวหุ้นปรับพอร์ตทุกๆ 3 เดือน นับจากวันที่เริ่มลงทุน

สำหรับปี 2564 ที่มีการลงทุนตั้งแต่ต้นปี ผลตอบแทนของ Jitta Ranking ลงทุนในหุ้นแต่ละประเทศไม่ว่าจะเป็น เวียดนาม สหรัฐฯ จีน และไทย สามารถเอาชนะดัชนีตลาดหุ้นประเทศเหล่านั้นได้ ไม่ทำให้นักลงทุนที่ลงทุนกับ จิตตะ เวลธ์ ผิดหวัง โดยสามารถสรุปได้ดังนี้

    • Jitta Ranking หุ้นเวียดนาม

ยังคงสร้างผลงานที่ดีที่สุด ครองความเป็นหนึ่งด้วยผลตอบแทนโตโดดเด่นถึง 68.72% เมื่อเทียบกับผลตอบแทนรวมตลาดหุ้นเวียดนาม (VNTRI) ที่ 37.31% ซึ่งเป็นดัชนีตลาดหุ้นที่ร้อนแรงที่สุดของปี 2564 และเป็นหนึ่งใน 7 ตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งที่สุดในปี 2564 จากปัจจัยพื้นฐานของประเทศที่แข็งแกร่ง การย้ายฐานการผลิตของบริษัทระดับโลก ภาคการส่งออกที่เติบโต และภาคการบริโภคที่ขยายตัว ขณะที่ตลาดหุ้นกำลังทะยาน แม้จะประสบกับโรคระบาด โควิด-19 ระลอกใหม่ แต่ดัชนีตลาดหุ้นเวียดนาม ทำนิวไฮตลอดทั้งปี 2564

สำหรับแนวโน้มของตลาดหุ้นเวียดนามในปี  2565 นั้น มีแนวโน้มการเติบโตดี ธนาคารโลกคาดเศรษฐกิจเวียดนามเติบโต 6 – 6.5% อีกทั้งความขัดแย้งและกำแพงภาษีระหว่างสหรัฐฯและจีน ทำให้เวียดนามกลายเป็นแหล่งห่วงโซ่อุปทานทางเลือก ส่งเสริมภาคการส่งออกและการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) แผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ภาคการผลิตในขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ การปรับโครงสร้างตลาดหุ้นเวียดนามจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของระบบ และสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนต่างชาติมากขึ้น ที่สำคัญ ตลาดหุ้นเวียดนามอุดมไปด้วยหุ้นดีที่ราคายังไม่แพง เพราะเฉพาะการลงทุนโดยเน้นหุ้นรายตัว สามารถทำกำไรให้กับนักลงทุนได้ในปี 2565 นี้

  • Jitta Ranking หุ้นสหรัฐฯ

ทำผลงานปีที่แล้วได้ 49.99% เทียบกับผลตอบแทนรวมตลาดหุ้นสหรัฐฯ (S&P500) ที่ 28.71% บริษัทจดทะเบียนได้รับอานิสงส์จากการเปิดประเทศและความต้องการสินค้าและบริการที่เพิ่มมากขึ้นของผู้บริโภค รายได้เติบโต กำไรปรับตัวสูงขึ้น ดันดัชนีตลาดหลักทรัพย์ทั้ง ดัชนี Dow Jones ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปรับตัวทำสถิติสูงสุดในปี 2564

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปี 2565 นั้น นักลงทุนยังคงกังวลต่อนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ การสิ้นสุดมาตรการ QE ภายในไตรมาสที่ 1 การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 3 ครั้งภายในปี 2565 อัตราเงินเฟ้อสูงในรอบ 40 ปี ปัญหาคอขวดอุปทานไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน ล้วนเป็นปัจจัยกระทบภาพการลงทุนในปี 2565 ดังนั้นการเลือกลงทุนควรเน้นลงทุนหุ้นรายตัว ธุรกิจมีความสามารถทางการแข่งขันสูง มีศักยภาพในการเติบโตและราคายุติธรรม

  • Jitta Ranking จีน

ที่เปิดตัวเมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2564 มีผลตอบแทนตั้งแต่จัดตั้ง 6.57% สามารถเอาชนะดัชนีตลาดหุ้นจีน (CSI300) ที่มีผลตอบแทนรวม -3.03% ทั้งๆ ที่ตลาดหุ้นจีน ได้รับแรงกดดันจากการตรวจสอบธุรกิจของรัฐบาลจีน ในกลุ่มบริษัทเทคโนโลยี รวมไปถึงวิกฤตธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้ภาพรวมดัชนีตลาดหุ้นจีนผันผวน นักลงทุนหลีกเลี่ยงที่จะลงทุน

สำหรับแนวโน้มของตลาดหุ้นจีนปีนี้ ส่งสัญญาณการเติบโตอย่างชัดเจน จากมูลค่าการลงทุนเมกะโปรเจคสูงถึง 3 ล้านล้านหยวน รัฐบาลส่งเสริมการลงทุนในพลังงานสะอาด คาดปริมาณการติดตั้งพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์รวม 97 กิกะวัตต์ คิดเป็น 40% ของปริมาณติดตั้งทั่วโลก ฐานะทางการเงินภาคอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวดีขึ้น เศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่องอย่างมั่นคง ส่งผลให้สถาบันการเงินหลักของโลกหลายแห่ง มีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นจีนในปี 2565

  • Jitta Ranking หุ้นไทย

ให้ผลตอบแทนปี 2564 เติบโต 38.41% ในขณะที่ผลตอบแทนรวมของตลาดหุ้นไทย (SET TRI) อยู่ที่ 17.67% แม้ว่า ตลาดหุ้นไทยได้รับแรงกดดันจากการระบาดของ โควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเมษายนเป็นต้นมา และเศรษฐกิจภายในประเทศจะได้รับผลกระทบหนัก แต่บริษัทที่มีรายได้จากต่างประเทศถือเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการผลักดันดัชนีตลาดหุ้นไทย มูลค่าการส่งออกไทยตั้งแต่เดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2564 เพิ่มขึ้น 16.4% แตะระดับ 2.46 แสนล้านดอลลาร์ ภาคการท่องเที่ยวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีจากโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” และการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

แนวโน้มตลาดหุ้นไทยปี 2565 ยังคงเผชิญกับความผันผวนสูงโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนเป็นหนึ่งในปัจจัยหลัก ที่ทำให้กิจกรรมเศรษฐกิจในประเทศเกิดการชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตและภาคการท่องเที่ยว ในขณะที่ บริษัทที่มีความได้เปรียบทางการแข่งขัน มีการกระจายแหล่งรายได้จากต่างประเทศ มีรายได้จากการส่งออก จะสร้างผลตอบแทนที่ดีในปี 2565

“จะเห็นได้ว่าในปี 2565 ยังมีปัจจัยกดดันตลาดหุ้นในบางประเทศ การลงทุนมีความเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา ตลาดหุ้นประกอบด้วยปัจจัยแวดล้อมมากมาย ทั้งที่สามารถคาดเดาได้และคาดเดาไม่ได้ ยังไม่นับภาวะอารมณ์ของนักลงทุนที่ทำให้ดัชนีผันผวนในระยะสั้นๆ ด้วย เราจึงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเทคโนโลยีการลงทุนอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนระยะสั้น หรือจากอคติและอารมณ์ของนักลงทุน สุดท้ายมูลค่ากิจการและราคาหุ้นระยะยาว จะสะท้อนพื้นฐานของหุ้นที่คุณลงนั่นเอง” นายตราวุทธิ์  กล่าว