ธปท.เตรียมออกใช้ “ธนบัตรโพลิเมอร์ชนิดราคา 20 บาท” ในวันที่ 24 มี.ค. 65 นี้ เผยเป็นชนิดราคาที่ประชาชนใช้หมุนเวียนในระบบสูงถึง 30% ผลิตเฉลี่ย 600 ล้านฉบับต่อปี ชี้เทคโนโลยีโพลิเมอร์ทำให้อายุการใช้งานนาน 5 ปี สะอาด-รักษาสิ่งแวดล้อม พร้อมคุยผู้ประกอบการรับชำระเปลี่ยนระบบรองรับธนบัตรรูปแบบใหม่
วันที่ 20 มกราคม 2565 ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานแถลงข่าวการออกใช้ “ธนบัตรพอลิเมอร์ ชนิดราคา 20 บาท” ว่า ภายในวันที่ 24 มีนาคม 2565 ธนบัตรโพลิเมอร์ชนิดราคา 20 บาท จะออกใช้เป็นทางการ โดยธนบัตรชนิด 20 บาทของเดิมยังคงใช้จ่ายได้ปกติเหมือนเดิม
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ดร.วิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ผู้อยู่เบื้องหลัง “บ้านกรมดิษฐ์” บ้านสวนลอยฟ้า
ทั้งนี้ การเปลี่ยนมาใช้ “ธนบัตรโพลิเมอร์ชนิดราคา 20 บาท” แทนธนบัตรรูปแบบกระดาษ (เดิม) เนื่องจากต้องการให้มีอายุนานขึ้นเฉลี่ย 5 ปี จากรูปแบบเดิมที่ใช้ 2-3 ปี เพราะธนบัตรชนิดราคา 20 บาท เป็นชนิดราคาที่ประชาชนใช้จำนวนมากและเปลี่ยนมือบ่อย และหมุนเวียนในระบบสัดส่วนสูงถึง 30% ของธนบัตรที่หมุนเวียน ทำให้เกิดความไม่สะอาดในการใช้ ซึ่งคุณภาพโพลิเมอร์จะค่อนข้างทดทาน และทำให้การผลิตทดแทนน้อยลง และสอดคล้องกับหลายประเทศที่หันมาใช้ธนบัตโพอลิเมอร์มากขึ้น เช่น อังกฤษ สิงคโปร์ มาเลเซีย เป็นต้น
“ในอีก 2 เดือนข้างหน้า ธปท.จะออกธนบัตรโพลิเมอร์ชนิด 20 บาทออกใช้ ซึ่งเป็นการออกแทนแบบเดิมที่ประชาชนนิยมใช้และถี่มาก ทำให้มีความสกปรกง่าย แต่เทคโนโลยีโพลิเมอร์ นอกจากอายุการใช้งานจะยาว ทนทาน และเรียบสะอาดและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม”
นายไพโรจน์ บาลัน ผู้อำนวยการ ฝ่ายกลยุทธ์และบริหารกิจการธนบัตร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กลาวว่า ภายหลังจากเปลี่ยนมาใช้ “ธนบัตรพอลิเมอร์” ปริมาณการผลิตธนบัตรยังคงไม่ได้มีการเปลี่ยนไปจากเดิม เนื่องจาก ธปท.จะต้องพิจารณาความต้องการของประชาชนเป็นหลัก เนื่องจากมีประชาชนบางกลุ่มที่หันไปใช้ดิจิทัล แต่ยังคงมีบางกลุ่มที่ยังใช้ธนบัตรในการจับจ่ายใช้สอย
จึงต้องพิจารณาควบคู่กัน โดยยอดผลิตธนบัตรเฉลี่ยอยู่ที่ 1,800 ล้านฉบับต่อปี ซึ่งปรับลดลงจากเดิมที่ผลิตมากกว่า 2,000 ล้านฉบับต่อปี โดยธนบัตรชนิดราคา 20 บาท ผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 600 ล้านฉบับต่อปี หรือ 1 ใน 3 ของการผลิตธนบัตรทั้งหมด ซึ่งมูลค่าคงค้างในปี’64 ของธนบัตรชนิดราคา 20 บาท อยู่ที่ 4.7 หมื่นล้านบาท โดยมีสัดส่วนการหมุนเวียนในระบบสูงถึง 30% ของธนบัตรทั้งหมด
ส่วนการใช้ธนบัตรพอลิเมอร์ชนิดราคา 20 บาทสำหรับเครื่องอัตโนมัติต่างๆ นั้น ปัจจุบันธปท.ได้เดินสายพูดคุยกับผู้ประกอบการเชื่อว่าภายหลังธนบัตรออกใช้วันที่ 24 มี.ค.65นี้ เครื่องอัติโนมัติต่างๆ จะสามารถรองรับได้แล้วประมาณ 60-70% และมีบางส่วนที่ยังต้องปรับระบบซอฟต์แวร์รองรับ แต่คาดว่าจะสามารถรองรับได้ ซึ่งในระหว่างนี้ได้ให้ผู้ประกอบการติดข้อความต่อประชาชนผู้ใช้บริการ
“ในอดีตธปท.เคยผลิตธนบัตร โพลิเมอร์ชนิดราคา 50 บาท และค่อย ๆ หายไปจากระบบนั้น เนื่องจากในอดีตเทคโนโลยียังไม่ทันสมัย และผู้ใช้ประสบปัญหาต่าง ๆ แต่ปัจจุบันที่การผลิตดีขึ้น โดยธปท.ได้มีการศึกษาในประเทศต่าง ๆ พบว่ามีหลายประเทศที่หันมาใช้ และเป็นแบบผสมโดยมีบางส่วนที่ยังใช้กระดาษ และบางส่วนเป็นโพลิเมอร์ ซึ่ง ธปท.คงพิจารณาถึงความต้องการของประชาชนในการจะขยายไปชนิดราคาอื่น”
นายสมบูรณ์ จิตเป็นธม ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายออกบัตรธนาคาร ธปท.กล่าวว่า ธนบัตรโพลิเมอร์ ชนิดราคา 20 บาท มีภาพและลักษณะโดยรวมเหมือนกับธนบัตรกระดาษชนิดราคา 20 บาทที่หมุนเวียนในปัจจุบัน โดยมีการใช้เทคโนโลยีต่อต้านการปลอมแปลงที่ทันสมัยและมีมาตรฐานขั้นสูงเช่นเดียวกับธนบัตรกระดาษชนิดราคา 20 บาท
รวมถึงมีลักษณะต่อต้านการปลอมแปลงเพิ่มเติมสำหรับธนบัตรโพลิเมอร์ชนิดราคา 20 บาท คือช่องใสที่สามารถมองเห็นทะลุได้ทั้ง 2 ด้าน โดยช่องใสด้านล่างที่เป็นทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ เมื่อพลิกธนบัตรขึ้นลงจะเห็นเป็นสีเหลือบแดง นอกจากนี้ มีการเพิ่มจุดสังเกตสำหรับผู้บกพร่องทางสายตาในบริเวณช่องใสด้านบนที่เป็นทรงหยดน้ำ โดยมีตัวเลข “20” ขนาดเล็ก ดุนนูน เพื่อให้สัมผัสได้ง่ายขึ้น
ธนบัตรโพลิเมอร์ชนิดราคา 20 บาท จะเริ่มออกใช้หมุนเวียนในวันที่ 24 มีนาคม 2565 นี้
โดยประชาชนสามารถเบิกถอนผ่านสาขาธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจทุกแห่ง สำหรับธนบัตรกระดาษชนิดราคา 20 บาท ที่ใช้หมุนเวียนอยู่ในปัจจุบันยังคงสามารถใช้จ่ายได้ตามปกติต่อไป