เจนเนอราลี่กรุ๊ป กางแผน 3 ปี งบลงทุนเทคฯ 4.1 หมื่นล้าน-ควบรวมกิจการ

เจนเนอราลี่กรุ๊ป กางแผน 3 ปี(65-67) โตยั่งยืน ทุ่มงบลงทุนเทคโนโลยี 4.1 หมื่นล้านบาท-ควบรวมกิจการ ตั้งเป้ากำไรต่อหุ้นโตแกร่ง 68% กระแสเงินสดสุทธิสะสมเพิ่มขึ้นมากกว่า 3.1 แสนล้านบาท เพิ่มเงินปันผลที่เป็นเงินสดอยู่ที่ 1.9-2.1 แสนล้านบาท 

มร. ฟิลลิป ดอนเนท ประธานกรรมการบริหารของกลุ่ม เจนเนอราลี่ กรุ๊ป
มร. ฟิลลิป ดอนเนท ประธานกรรมการบริหารของกลุ่ม เจนเนอราลี่ กรุ๊ป

วันที่ 25 มกราคม 2565 นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินงานในปี 2564 ของเจนเนอราลี่ กรุ๊ป มีการเติบโตไปในทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคเปลี่ยนไป หลังจากการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ และการแพร่ระบาดของโควิด-19 หลายคนหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพและการวางแผนชีวิตเพื่อสร้างความมั่นคงในอนาคตเพิ่มมากขึ้น

ทำให้ปีที่ผ่านมานี้กลายเป็นอีกหนึ่งปีทองของเจนเนอราลี่ ที่สามารถสร้างผลงานสุดยิ่งใหญ่ไว้อีกหลากหลายผลงาน ส่งผลให้ทางเจนเนอราลี่ กรุ๊ป ได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืนในอีก ปี ข้างหน้า ( ปี 2565-2567) ทั้ง

  • อัตราเฉลี่ยการเติบโตของกำไรต่อหุ้นที่แข็งแกร่ง 68%
  • การมีกระแสเงินสดสุทธิสะสมเพิ่มขึ้น มากกว่า 3.1 แสนล้านบาท (8.5 พันล้านยูโร)
  • การเพิ่มเงินปันผลที่เป็นเงินสดตั้งเป้าอยู่ที่ 1.9-2.1 แสนล้านบาท (5.2-5.6 พันล้านยูโรปี 2565-2567) จากเดิม 1.6 แสนล้านบาท (4.5 พันล้านยูโร,ปี 2562-2564)

ซึ่งเป้าหมายเหล่านี้เกิดจากความสำเร็จในการส่งมอบผลงานที่ยอดเยี่ยมในปีที่ผ่านมา เช่น การกวาดซื้อหุ้นคืนมูลค่า 18 ล้านล้านบาท ในปี 2564 (500 ล้านยูโร) เสร็จสมบูรณ์ครั้งแรกในรอบ 15 ปี การสร้างงบดุลที่แข็งแกร่งด้วยหนี้สินลดลง รวมถึงการมอบผลตอบแทนผู้ถือหุ้นตลอดปี 2562-2564 ได้กว่า 111% อันเป็นผลมาจากการปรับใช้กลยุทธ์ Lifetime Partner การใส่ใจดูแลมอบบริการที่ดีและยืนหยัดดูแลลูกค้าในทุกช่วงเวลาของชีวิต

สำหรับกลยุทธ์ทางธุรกิจในอีก ปีจากนี้ (2565-2567) เจนเนอราลี่ กรุ๊ป ได้เตรียมต่อยอดกลยุทธ์ Lifetime Partner สู่การเป็น “Lifetime Partner 24: Driving Growth โดยแบ่งแนวทางการดำเนินงานออกเป็น หลักใหญ่ๆ คือ

1.ขับเคลื่อนเพื่อเติบโตอย่างยั่งยืน (Drive sustainable growth) ด้วยการตั้งเป้าอัตราการเติบโตของบริการประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ (non-motor) อีกกว่า 4% และภายในปี 2567 ต้องมีมูลค่าทางธุรกิจใหม่รวมกว่า 8.6-9.4 หมื่นล้านบาท (2.32.5 พันล้านยูโร)

2.การเพิ่มอัตราผลตอบแทน (Enhance earnings profile) ด้วยแนวคิดการขับเคลื่อนธุรกิจที่มีการเติบโตเพื่อสร้างผลกำไร รวมถึงการควบรวมกิจการประเภทประกันภัยและการจัดการสินทรัพย์ โดยตั้งเป้าในมูลค่า 0.94-1.12 แสนล้านบาท  (2.53 พันล้านยูโร) และทำการเพิ่มมูลค่าในการบริหารสินทรัพย์ของกลุ่มบุคคลที่ 3 จำนวน 3.7 พันล้านบาท (100 ล้านยูโร)

3.การนำนวัตกรรมมาใช้ (Lead innovation) ซึ่งเจนเนอราลี่ กรุ๊ป เตรียมงบประมาณสำหรับลงทุนด้านเทคโนโลยี 4.1 หมื่นล้านบาท (1.1 พันล้านยูโร) ในปี 2565-2567 เพิ่มขึ้นจากปี 2564 กว่า 60% อีกทั้งยังเตรียมงบประมาณอีกกว่า 9.4 พันล้านบาท (250 ล้านยูโร) สำหรับการสร้างแพลตฟอร์มกองทุนประกันเพื่อควบคุมและสร้างโอกาสที่ดีทางธุรกิจ

มร. ฟิลลิป ดอนเนท ประธานกรรมการบริหารของกลุ่ม เจนเนอราลี่ กรุ๊ป กล่าวว่า การปรับแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจในครั้งนี้ ถือเป็นสิ่งยืนยันความเป็นผู้นำในการตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของลูกค้าในยุค New Normal

ด้วยการบริการที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความใส่ใจทุกช่วงเวลาของชีวิต และเชื่อมั่นว่าจะสามารถขับเคลื่อนเจนเนอราลี่ กรุ๊ป ไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งมอบผลประกอบการทางการเงินที่แข็งแกร่ง และช่วยสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น

การให้คำมั่นสัญญาในการเป็น Lifetime Parter ทำให้เจนเนอราลี่วางลูกค้าเป็นจุดศูนย์กลางของการทำงานทุกอย่าง และกลยุทธ์การดำเนินงานใหม่ของเราก็ยกระดับความสำคัญนี้มากขึ้นไปอีก ด้วยกลยุทธ์ Lifetime Partner 24: Driving Growth และตอกย้ำความเป็นผู้นำที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับลูกค้าและขับเคลื่อนด้วยข้อมูล

เป้าหมายและแผนงานที่ได้ประกาศวันนี้มีความเป็นไปได้ เนื่องมาจากผลสำเร็จจากการแผนการดำเนินงานก่อนหน้านี้ ปัจจุบันเจนเนอราลี่มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีช่องทางการสร้างรายได้ที่หลากหลาย เติบโตแบบมีผลกำไรอย่างสม่ำเสมอ

และมีประวัติการให้ผลตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ดีที่สุดในระดับเดียวกัน ซึ่งเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถสร้างความสำเร็จแบบเดียวกันใน 3 ปีข้างหน้านี้ด้วยเช่นกัน