2 เดือนแรกปี’ 65 ต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 61,336 ล้าน สูงสุดในรอบ 16 ปี

เงินบาท-หุ้นไทย

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)  เผยภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์เดือนก.พ. 65  พบว่า 2  เดือนของปีต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 61,336 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 16 ปี  ส่งผลให้ SET Index  สิ้นเดือน ก.พ.65  ปิดที่ 1,685.18 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 2.2%  ชี้ความขัดแย้งระหว่างประเทศของรัสเซีย-ยูเครน กระทบตลาดหุ้นไทยน้อย เชื่อฟันด์โฟลว์ยังไหลเข้าเนื่องจากนักลงทุนมองหาตลาดหุ้นที่เป็น Safe Haven

วันที่ 8 มีนาคม 2565  นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า  ปัจจัยภายในประเทศที่มีความเชื่อมโยงไปยังรัสเซียและยูเครนค่อนข้างน้อย และในระยะสั้นเศรษฐกิจไทยยังได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อค่อนข้างจำกัด และมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง อีกทั้งบริษัทจดทะเบียนโดยเฉพาะในภาคบริการและการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะได้อานิสงส์จากการกลับมาเปิดเมืองในอนาคต ทำให้เห็นเม็ดเงิน (Fund Flow)  จากผู้ลงทุนต่างชาติไหลกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยเป็นเดือนที่สามติดต่อกัน โดยในเดือน ก.พ.65 ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 61,336 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าที่ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิสูงสุดในรอบ 16 ปี ทำให้ ณ สิ้นเดือน ก.พ.65 SET Index ปิดที่ 1,685.18 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 2.2% จากเดือนก่อนหน้า

ณ สิ้นเดือน ก.พ.65 SET Index ปิดที่ 1,685.18 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 2.2% จากเดือนก่อนหน้าซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ในอาเซียน โดย SET Index ในสองเดือนแรกปี 65 ได้แรงหนุนจากอุตสาหกรรมที่ได้รับอานิสงส์จากการกลับมาเปิดเมือง โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2564 ได้แก่ กลุ่มบริการ กลุ่มทรัพยากร และกลุ่มการเงิน

ในเดือน ก.พ.65 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 99,052 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.0% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยผู้ลงทุนต่างชาติมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คิดเป็น 42.80% ของมูลค่าการซื้อขายรวม ซึ่งเป็นเดือนแรกนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผู้ลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิเป็นเดือนที่สามโดยในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 61,336 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าที่ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิสูงสุดในรอบ 16 ปี

ในเดือน ก.พ.65 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนซื้อขายใหม่ใน SET 1 บริษัท คือ บมจ. พีซแอนด์ลีฟวิ่ง (PEACE) และใน mai 1 บริษัท คือ บมจ. พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น (PTC)  ด้านForward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2565 อยู่ที่ระดับ 18.1 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 13.5 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 13.0 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 16.0 เท่า  อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือน ก.พ.65 อยู่ที่ระดับ 2.64% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 2.36%

ด้านนายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  กล่าวว่า  ฟันด์โฟลว์ที่ไหลเข้ามานตลาดหุ้นไทย จะเห็นว่าสัดส่วนของนักลงทุนรายย่อยนั้นไม่ได้ลดน้อยลง แต่เงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาเพิ่มขึ้นซึงเป็นผลมาจากการลดน้ำหนักการลงทุนของทั่วโลก ซึ่งถ้าตลาดไหนที่นักลงทุนมองว่าเป็นตลาด Safe Haven ที่สามารถเป็นที่หลบภัยหรือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย  ตลาดนั้นก็จะมีฟันด์โฟลว์ไหลเข้ามาในภาวะที่มีความผันผวน แต่ฟันด์โฟลว์ที่ไหลเข้ามาเยอะก็มีโอกาสที่จะไหลออกเยอะเช่นกัน

ทั้งนี้ประเด็นเรื่องความขัดแย้งระหว่างความขัดแย้งระหว่างประเทศระหว่างรัสเซียยูเครน   มองว่าไม่ใช่ปัญหาในประเทศ  โดยหากดูจากดัชนีทั่วโลกจะเห็นว่าร่วงกันเกือบทั้งหมด ในขณะที่กลับมาดูที่ตลาดหุ้นไทยเมื่อเทียบกับขณะที่ฟันด์โฟลว์ต่างชาติที่ไหลเข้ามาก็เป็นจุดที่สะท้อนว่าตลาดหุ้นไทยมีความั่นคงและมีความน่าสนใจ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนแบบนี้