คอลัมน์ : เช็กกระแสหุ้น
สัปดาห์ที่ผ่านมา (2-6 พ.ค.) ตลาดหุ้นไทยเปิดทำการ 3 วัน ปรับตัวลดลงตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก
โดย “สรพล วีระเมธีกุล” ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงมาเฉลี่ย 5-6% โดยหุ้นไทยปรับลงประมาณ 3%
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ปัจจัยหลักมาจากความกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 50 bps ติดต่อกัน 3 ครั้ง รวมถึงการลดขนาดงบดุล (QT) ที่จะเริ่มขึ้นในเดือน มิ.ย. บวกกับปัญหาในช่วงต้นสัปดาห์ ที่ทางยุโรปจะพิจารณาแบนการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย
นอกจากนี้ ปัญหาระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ยังยืดเยื้อก็เริ่มส่งผลกระทบต่อการ EPS หรือกำไรต่อหุ้นของไทย ที่มีการปรับลดประมาณการ (downgrade) จาก 101 บาทต่อหุ้น ลงมาเหลือ 98.5 บาทต่อหุ้น ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นปัจจัยที่กดดันให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลง
ส่วนมองไปในสัปดาห์ข้างหน้านี้ (9-13 พ.ค.) “สรพล” ประเมินว่า ดัชนีหุ้นไทยอาจไม่ได้ปรับตัวลงแรงเท่ากับในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว แต่จะเป็นแนวโน้ม sideway down โดยประเมินกรอบดัชนีไว้ที่ 1,580-1,610 จุด
ซึ่งปัจจัยหลักที่ต้องติดตาม ไม่ใช่เรื่องของการเงินหรือเศรษฐกิจ แต่เป็นการรายงานผลประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานและกลุ่มค้าปลีกที่จะเริ่มทยอยรายงานกันมากขึ้น ซึ่งต้องติดตามอัตราการเติบโตในภาพรวม
ทั้งนี้ กลยุทธ์ลงทุนหุ้นในระยะนี้ แนะนำลงทุนหุ้น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก หุ้นเติบโตที่ยังมีกำไรแข็งแกร่ง แนะนำ BE8 กับ CHAYO ส่วนกลุ่มที่ 2 จะเป็นหุ้นที่ราคาปรับตัวลงมามากแล้ว ที่น่าสนใจ แนะนำ TRUE และ DTAC