บัญชีเทรดคริปโทฯ ไม่กระเตื้องซื้อขายไม่คึกคัก ผลตอบแทนดิ่งหนัก 50%

แบงก์ชาติรัสเซีย เสนอรัฐบาลห้ามเทรดและขุดเหมืองคริปโท
FILE PHOTO: REUTERS/Dado Ruvic/Illustration/File Photo

สำนักงาน ก.ล.ต.เผยข้อมูลตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลรายสัปดาห์ (9 พ.ค.65) เผยปัจจุบันมูลค่าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลกอยู่ที่ 1.42 ล้านล้านดอลลาร์ ซื้อขายต่อวัน 153.18 พันล้านดอลลาร์  โดยพบว่าคริปโทฯ ยังร่วงไม่หยุดสูงสุดนำโดยเหรียญ Kub ดิ่งกว่า -50.88% ตามด้วยอีเธอเรียม -40.10% ทั้งนี้จำนวนบัญชีเคลื่อนไหวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดย ณ เม.ย.65 มีบัญชีทั้งหมด 2,689,463 บัญชี และมูลค่าซื้อขายโดยรวมมีแนวโน้มคงที่

วันที่ 14 พฤษภาคม 2565  สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เผยว่า  ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลกมีมูลค่าตาม Market cap. หรือ มูลค่าตามราคาตลาด อยู่ที่ประมาณ 1.42 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีมูลค่าการซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ 153.18 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน

ตั้งแต่ต้นปี 2565 ผลตอบแทนสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับความนิยมในไทยยังให้ผลตอบแทนติดลบ โดยเหรียญ Kub ให้ผลตอบแทนติดลบมากสุด -57.88% ตามด้วยอีเธอเรียม (Ethereum) -40.10% XRP -39.38% และบิตคอยน์ (Bitcoin) -33.02%

อย่างไรก็ตามถ่านหิน (Coal) ยังคงให้ผลตอบแทนสูงสุดตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 116.54% ตามด้วยน้ำมัน (Oil) 38.91% และอะลูมิเนียม (Aluminium) ที่ 14.32%  ส่วนทองคำ 2.18% ส่วนดัชนีหุ้นไทย (SET) อยู่ที่ -1.08% ( ข้อมูล ณ 9 พ.ค.65)

ในปี 2565 มูลค่าซื้อขายสะสมแยกประเภทสินทรัพย์พบว่าค่อนข้างกระจายตัว นำโดยธีเทอร์ (Tether) มีมูลค่าซื้อขายอยู่ที่ 6.87 หมื่นล้านบาทตามด้วยบิตคอยน์ (Bitcoin) ที่ 5.92 หมื่นล้านบาท และอีเธอเรียม (Ethereum) ที่ 4.05 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ

ทั้งนี้พบว่ามูลค่าซื้อขายโดยรวมมีแนวโน้มคงที่ในไตรมาสแรก ปี 2565 ในเดือนพ.ค.มีมูลค่าซื้อขายแล้ว 2.4 หมื่นล้านบาท  ซึ่งมูลค่าซื้อขายส่วนใหญ่มาจากรายย่อยในประเทศถึง 1.3 หมื่นล้านบาท

ขณะที่จำนวนบัญชีที่มีการเคลื่อนไหว (Active) ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือน ม.ค.โดยในเดือนพ.ค.มีจำนวนบัญชีล่าสุดอยู่ 1.91 แสนบัญชี ( ข้อมูล ณ 9 พ.ค.65) และส่วนใหญ่เป็นจำนวนคนบัญชีจากรายย่อยในประเทศถึง 1.88 แสนบัญชี ทั้งนี้ ณ เม.ย.65  จำนวนบัญชีสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมดลูกค้ามี 2,689,463 บัญชี

นอกจากนี้พบว่านิติบุคคลต่างชาติเป็นผู้ซื้อสุทธิในเดือน มี.ค.และต่อเนื่องถึงปัจจุบัน โดยที่นิติบุคคลต่างชาติมียอดซื้อสุทธิในเดือนพ.ค.65 อยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท ขณะที่รายย่อยในประเทศมียอดขายสุทธิอยู่ที่ 4 พันล้านบาท และรายย่อยต่างชาติขายสุทธิ 7 พันล้านบาท (ณ 9 พ.ค.65)