
บล.ฟิลลิป ประเมินตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปต่อในกรอบ 1,630 -1,650 จุด หลังได้รับแรงจากตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัวคลายกังวลท่าทีเฟด-ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นจ่อทดสอบจุดสูงสุดในรอบ 2 เดือน
วันที่ 27 พฤษภาคม 2565 บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รายงานแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้ว่า มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปต่อในกรอบ 1,630-1,650 จุด หลังได้รับแรงหนุนจาก 1.ตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัวหลังคลายความกังวลในท่าทีของเฟด โดยคณะกรรมการเห็นชอบเป็นมติเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.5% ใน 2 รอบการประชุมที่จะมาถึงสกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงสะท้อนแรงขายสินทรัพย์ปลอดภัยและหันไปถือครองสินทรัพย์เสี่ยง ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นเฉลี่ยราว 1.8% คาดตลาดหุ้นไทยจะได้รับบรรยากาศบวกนี้ด้วยเช่นกัน
- วิกฤตหรือไม่วิกฤต คำตอบผู้ว่าการ ธปท.
- ในหลวง พระราชินี เสด็จฯส่วนพระองค์ ทรงร่วมแข่งเรือใบ จ.ภูเก็ต
- เช็กที่นี่ เงินอุดหนุนบุตร 600 บาท เดือนธันวาคม 2566 เงินเข้าวันไหน
2.ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นจ่อทดสอบจุดสูงสุดในรอบ 2 เดือน ที่ 117 เหรียญดอลลาร์ต่อบาร์เรล รับช่วง Driving Season หลัง Memorial Day ที่จะมาถึงในวันจันทร์นี้ คาดจะกลับมาหนุนหุ้นพลังงานและโรงกลั่นบ้านเราให้ปรับตัวขึ้นคึกคัก
ขณะที่ปัจจัยเชิงลบในเชิงมหภาคมีเพียงตัวเลข GDP สหรัฐที่ออกมาที่ -1.5% QoQ ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ -1.3% เฟดอาจยังไม่เลือกใช้ยาแรงในขณะนี้ กระตุ้นให้นักลงทุนหันกลับไปให้น้ำหนักกับตัวเลข Core PCE ในคืนนี้ จึงทำให้พัฒนาการของปัจจัยหนุนค่อนข้างเด่นชัดกว่า จึงมองตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มจะยกตัวขึ้นต่อได้
กลยุทธ์การลงทุน ทางฝ่ายชอบ 1.หุ้นเปิดเมือง เช่น PLANB, ONEE, KTC, AOT 2.หุ้นพลังงาน เช่น PTTEP, SPRC
สำหรับประเด็น Core PCE ชี้ทางเดินเฟด โดยท่าทีของประธานเฟดต่อปัญหาเงินเฟ้อที่เผชิญยังคงเป็นที่จับตามองของนักลงทุน หลังมีถ้อยแถลงว่าจะต้องพิจารณาจากตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่จะออกมาก่อน ทำให้ตลาดกลับมาให้น้ำหนักกับตัวเลข Core PCE อีกครั้ง
โดยหากอิงจากตัวเลขในช่วง Pre-COVID ตัวเลข Core PCE นั้นแกว่งตัวอยู่ราว 1.5-2% YoY ซึ่งสอดคล้องกับกรอบเป้าหมายเงินฟ้อระยะยาวของเฟด ขณะที่ปัจจุบันตัวเลขคาดการณ์ออกมาที่ 4.9% YoY สูงกว่าเป้ามากกว่า 2 เท่า และหากตัวเลขออกมามากกว่าที่คาด ทางฝ่ายมองจะทำให้นักลงทุนกลับมากังวลต่อท่าทีของประธานเฟดว่าอาจจำเป็นต้องใช้ยาแรง ทำให้ตลาดกลับมาย่อตัวลงอีกครั้ง จึงจำเป็นต้องจับตาตัวเลขดังกล่าวก่อนถึงรอบการประชุมในช่วงกลางเดือน มิ.ย.นี้