เปิดชื่อบิ๊ก บจ.แห่เก็บหุ้น จับจังหวะราคาร่วง-รอลุ้นทำกำไร

stock หุ้น

ปีนี้ตลาดหุ้นเต็มไปด้วยความผันผวน จากการดำเนินนโยบายการเงินของบรรดาประเทศมหาอำนาจ โดยเฉพาะการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อจัดการกับเงินเฟ้อที่อยู่ระดับสูง รวมถึงสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่มีการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกันยืดเยื้อ โดยต้นปีที่ผ่านมาในช่วงที่สถานการณ์ต่าง ๆ ยังดูดี SET Index เคยทำสถิติขึ้นไปสูงสุดที่ 1,713.20 จุด (18 ก.พ.)

แต่ล่าสุด ท่ามกลางปัจจัยลบที่เพิ่มขึ้น หุ้นไทยทำสถิติลงไปต่ำสุด 1,555.52 จุด (23 มิ.ย.) อย่างไรก็ดี ท่ามกลางความผันผวนที่บางช่วงหุ้นเกือบทุกตัวราคาตกลง ก็จะมีผู้บริหาร หรือเจ้าของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) บางรายที่เข้าไปซื้อหุ้นบริษัทตัวเอง

โดยข้อมูลจากเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รายงานถึงการเปลี่ยนแปลงการถือหุ้นของผู้บริหารและผู้ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียนไทย ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 (สิ้นสุดวันที่ 21 มิ.ย. 2565) พบว่า มีผู้บริหาร ผู้ถือหุ้น และเจ้าของ บจ.หลายรายทยอยเก็บหุ้นบริษัทตัวเองในแต่ละเดือนดังต่อไปนี้

ตาราง บจ.

“หมอบุญ” เก็บ THG ทุกเดือน

โดยผู้ที่เข้าซื้อหุ้นหลายครั้งและมีมูลค่าสูงสุด ได้แก่ นายแพทย์บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG ที่มีการเก็บหุ้น THG เข้าพอร์ตทุกเดือนรวม 66 ครั้ง รวมทั้งสิ้น 24.78 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 1,413 ล้านบาท ซึ่งพบว่าในเดือน มี.ค. มีการเข้าซื้อหุ้นมากที่สุดรวม 22 ครั้ง จำนวน 7.46 ล้านหุ้น มูลค่า 421.42 ล้านบาท รองลงมาในเดือน เม.ย. ที่เข้าซื้อหุ้น 12 ครั้ง รวมจำนวน 4.49 ล้านหุ้น มูลค่า 400.87 ล้านบาท

พ่อลูก “JMART” ระดมซื้อ

ขณะที่ นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา กรรมการบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART และ นายเอกชัย สุขุมวิทยา กรรมการบริหารและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JMART ได้เข้าซื้อหุ้น JMART รวมกัน 25 ครั้ง รวม 16.42 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 919.73 ล้านบาท แบ่งเป็นการซื้อหุ้นโดยนายอดิศักดิ์ จำนวน 18 ครั้ง เป็นเงิน 663 ล้านบาท และซื้อหุ้นโดยนายเอกชัย จำนวน 7 ครั้ง เป็นเงิน 256.73 ล้านบาท ปัจจุบันทั้งสองเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 2 และอันดับ 4 ของ JMART ด้วยสัดส่วน 13.46% และ 8.21% (ตามลำดับ)

“สารัชถ์” ควัก 850 ล.ซื้อ GULF

อีกราย นายสารัชถ์ รัตนาวะดี กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF มีการเก็บหุ้น GULF เข้าพอร์ตรวมทั้งหมด 6 ครั้ง ในช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย. เป็นจำนวนหุ้นรวม 18.32 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 851.8 ล้านบาท (ราคาหุ้นตั้งแต่ 46-47.35 บาท) โดยธุรกรรมทั้งหมดทำรายการผ่านบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ทั้งนี้ ปัจจุบันนายสารัชถ์เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ของ GULF สัดส่วน 35.55%

เก็บ GUNKUL 5.45-5.80 บาท

ด้าน นายกัลกุล ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL ได้เข้าซื้อหุ้น GUNKUL รวมทั้งหมด 3 ครั้ง ในช่วงเดือน เม.ย.-มิ.ย. รวมจำนวน 30.58 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 168.22 ล้านบาท (ราคาหุ้นตั้งแต่ 5.45-5.80 บาท) โดยทำรายการผ่านบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ปัจจุบันนายกัลกุลเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 4 ด้วยสัดส่วน 2.31%

ช้อนหุ้นช่วงราคาตก-รอทำกำไร

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปกติแล้วเวลาที่ผู้บริหาร บจ.เข้าซื้อหุ้นบริษัทตัวเอง จะเป็นสัญญาณของราคาหุ้นที่อาจจะพักตัวลงมาเร็ว หรือแรงในช่วงก่อนหน้า ฉะนั้นเมื่อผู้บริหารเข้าซื้อหุ้น อาจจะคาดหวังว่าราคามีโอกาสจะปรับขึ้นในช่วงถัดไปได้ แต่ก็ตอบยากว่าราคาหุ้นจะขึ้นตอนไหน เพราะไม่รู้ว่าผู้บริหารแต่ละราย มองไทม์ไลน์ในการลงทุนนานแค่ไหน

“พูดง่าย ๆ คือ ถ้าเขาซื้อหุ้นที่ราคานี้ นั่นแปลว่า เขาคิดแล้วว่าราคานี้ซื้อแล้วต้องได้กำไร ฉะนั้นราคาหุ้นจะต้องขยับขึ้นไปสูงกว่าราคาที่ซื้อในอนาคต แต่บอกไม่ได้ว่าเร็วแค่ไหน ถ้ายิ่งซื้อจำนวนหุ้นเยอะ คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนสูง ๆ เมื่อเทียบกับมาร์เก็ตแคป ก็จะยิ่งตอกย้ำตรงนี้ได้” นายวีระวัฒน์กล่าว

เตือนดูพื้นฐานหุ้นก่อนแห่ซื้อตาม

สำหรับนักลงทุนรายย่อย คงต้องพิจารณาพื้นฐานของหุ้นประกอบการลงทุนด้วย เพราะข้อมูลการลงทุนของผู้บริหารเป็นเพียงแค่สัญญาณ แต่สุดท้ายแล้วต้องดูว่าพื้นฐานของหุ้นเมื่อเทียบกับราคาที่ผู้บริหารซื้อมีอัพไซด์จูงใจหรือไม่ ถ้ามีอัพไซด์ประมาณ 10% หรือราคาเหมาะสมสูงกว่าราคาที่ผู้บริหารซื้อเกิน 10% ขึ้นไปก็สามารถที่จะเข้าไปลงทุน หรือเก็งกำไรได้

“บริษัท หลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ FSSIA ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ของหุ้น GULF ที่ 60 บาท ราคาหุ้น GUNKUL ที่ 6.60 บาท และราคาหุ้น JMART ที่ 62 บาท” นายวีระวัฒน์กล่าว

จากภาพทั้งหมดนี้ คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังคงได้เห็นการเข้าซื้อหุ้น บจ.ตัวเองกันอีกหลายราย หลายครั้ง เพราะตลาดหุ้นจะยังคงเต็มไปด้วยความผันผวนแน่นอน