หุ้นไทยพักตัว วิ่งเข้าใกล้ระดับจิตวิทยา 1,600 จุด พลังงานย่อตัวลงต่อ

หุ้น

“ฟิลลิป” ประเมินตลาดหุ้นไทยเช้านี้พักตัวหลังเข้าใกล้ระดับจิตวิทยา 1,600 จุด ดีดตัวกว่า 65 จุด ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา เริ่มเจอแรงขายจากต่างชาติ มองแรงกดดันราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งฉุดกลุ่มพลังงานย่อตัวลงต่อ ตึงเครียดทางการเมืองจีน-ไต้หวันยังกดดัน ตัวเลขเงินเฟ้อไทยเดือน ก.ค. ตลาดคาด CPI-Core CPI พุ่ง 7.80% และ 2.60% สูงสุดในรอบ 14 ปี และ 10 ปี

วันที่ 5 สิงหาคม 2565 บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รายงานแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ว่า ดัชนี SET index พักสั้น ๆ หลังปรับตัวเข้าใกล้ระดับจิตวิทยาบริเวณ 1,600 จุด หลังดีดตัวกว่า 65 จุด ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา ขณะที่เริ่มเห็นแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 โดยวานนี้ด้วยปริมาณขายสุทธิที่มากขึ้นกว่า 1.2 พันล้านบาท จึงมองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้อาจพักตัวในกรอบ 1,585-1,600 จุด โดยมองแรงกดดันมาจาก 1.ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงวานนี้กว่า 2.3% กดดันกลุ่มพลังงานย่อตัวลงต่อ

2.ประเด็นความตึงเครียดทางการเมือง จีน-ไต้หวันยังกดดัน เนื่องจากยังอยู่ในช่วงจีนซ้อมรบบริเวณใกล้ช่องแคบไต้หวัน (4-7 ก.ค.) โดย BBC รายงานว่ามีการใช้อาวุธจริงในการซ้อมรบ และบางส่วนตกไปในน่านน้ำไต้หวัน และ

3.การประกาศตัวเลขเงินเฟ้อไทยเดือน ก.ค. ซึ่งตลาดคาด CPI และ Core CPI พุ่ง 7.80% และ 2.60% ซึ่งจะเป็นระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี และ 10 ปี ตามลำดับ มองเป็นแรงกดดันทางลบต่อภาพเศรษฐกิจและการดำเนินนโยบายทางการเงินของ กนง. ในสัปดาห์หน้าให้อาจต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น

อย่างไรก็ดี ยังมีแรงพยุงจากภายในด้วยประเด็นจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าไทยที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุด 1.2 ล้านคน ในเดือน ก.ค. ทำให้มองเป็นการย่อตัวเบา ๆ ไปก่อนในวันนี้

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนชอบ 1.หุ้นที่อิงการท่องเที่ยวเปิดเมืองที่ดีตามจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าไทย เช่น CENTEL, ERW, SHR, CPALL, MBK, CPN 2.หุ้นกลุ่ม Anticommodity ที่น่าจะปรับตัวขึ้นโดดเด่นหลังราคาน้ำมันดิบย่อตัวลงแรงต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนของกลุ่มโรงไฟฟ้าจะได้อานิสงส์เพิ่มเติมจากการที่ กกพ.ประกาศการปรับขึ้นค่า Ft งวด ก.ย.-ธ.ค. 65 อีก 68.66 สตางค์/หน่วย ดันค่าไฟฟ้าฐานเฉลี่ยมาอยู่ที่ประมาณ 4.72 บาท/หน่วย ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของไทย เช่น GULF, GPSC, BGRIM, EG 3.กลุ่มธนาคาร รับดอกเบี้ยขาขึ้น เช่น KBANK, SCB, BBL

ด้านตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญน่าติดตาม : 1.นอกจากตัวเลข CPI ไทยเดือน ก.ค. ที่จะประกาศช่วงเช้าวันนี้ มองยังน่าติดตามตัวเลขเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยที่จะประกาศบ่ายวันนี้ หลังช่วงเดือน ก.ค. ค่าเงินบาทอ่อนค่าอาจทำให้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศร่อยหรอ

2.การประชุมธนาคารกลางอินเดีย ที่ตลาดคาดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 อีก 0.35% มาที่ 5.25% และ 3.ตัวเลขภาคแรงงานของสหรัฐที่จะประกาศในคืนนี้ โดยจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.5 แสนตำแหน่ง จากเดือนก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 3.72 แสนตำแหน่ง