ตลาดบรอดแบนด์แข่งดุ ทำ 3BB โตยาก โอกาสต่อสัญญา JASIF ริบหรี่

วันที่ 12 ตุลาคม 2565 จากกรณี บลจ.บัวหลวง ในฐานะผู้จัดการกองทุน JASIF จัดการจัดประชุมผู้ถือหน่วยลงทุนก่อนการประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยลงทุน ครั้งที่ 1/2565 เพื่อชี้แจงรายละเอียดแก่นักลงทุนผู้ถือหน่วยฯ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2565 โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 150 คน จากจำนวนผู้ถือหน่วยฯทั้งหมดกว่า 50,000 คน

มีการวิเคราะห์ว่า ผลการประชุมกลายเป็นประเด็นร้อนครั้งนี้ก็คือ นักลงทุนรายย่อยกลุ่มหนึ่งเชื่อว่ากองทุน JASIF ภายใต้การบริหารบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS จะต่อสัญญาไปอีก 10 ปี กับบริษัทย่อย บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTTBB เจ้าของแบรนด์ 3BB ซึ่งจะทำให้ผลตอบแทนรวมของสัญญาปัจจุบัน ดูเหมือนว่าจะมากกว่าสัญญาใหม่ที่ AIS เสนอ

แต่หากพิจารณาเงื่อนไขการต่อสัญญาครั้งนี้ก็คือทาง TTTBB จะต้องมีรายได้มากกว่า 40,000 ล้านบาท ณ วันสิ้นสุดสัญญาฉบับเดิมคือปี 2575 ซึ่งถ้ามองตามความเป็นจริงต้องบอกว่าศักยภาพการแข่งขันในตลาดอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ ของทาง 3BB อยู่ในช่วงถดถอย ทำให้การจะสร้างรายได้ตามเงื่อนไขที่กำหนดแทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย

เมื่อดูรายได้ของบริษัท TTTBB เมื่อสิ้นปี 2564 มีรายได้ 18,000 ล้านบาท ซึ่งการจะมีรายได้ถึง 40,000 ล้านบาทในปี 2575 ทางบริษัท TTTBB เจ้าของ 3BBจะต้องทำให้รายได้บริษัทเติบโต 10.20% อย่างต่อเนื่องทุกปีจนถึงปี 2575

แต่หากย้อนดูรายได้ย้อนหลังช่วง 4 ปีที่ผ่านมาของ 3BB จะพบว่ามีเติบโตเฉลี่ยเพียงแค่ 1.40% ต่อปีเท่านั้น ต่ำกว่าการเติบโตของตลาดอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ ที่มีการเติบโตเฉลี่ย 9.9% ต่อปี

เหตุผลที่ 3BB เติบโตน้อยกว่าตลาดนั้น มาจากการที่คู่แข่งในธุรกิจล้วนแล้วแต่มีบริการแบบครบวงจรทั้งบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ร่วมกับอินเทอร์เน็ตบ้านความเร็วสูง จนถึงบริการอื่นๆ เช่น video streaming และบริการความบันเทิงอื่นๆ ที่สามารถผนวกรวมเป็น แพ็กเกจบริการที่หลากหลายตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างครอบคลุมขณะที่ทาง 3BB มีบริการอย่างเดียวก็คือ อินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ ทำให้ลูกค้าเกิดการเปรียบเทียบและเห็นข้อดีของคู่แข่งมากกว่า 3BBขณะเดียวกันสภาวะตลาดก็มีการแข่งขันด้านราคาอย่างรุนแรง

ปัจจัยเหล่านี้ที่เกิดขึ้นทั้งหมด กลายเป็นแรงกดดันให้รายได้ของบริษัท TTTBB อยู่ในสถานการณ์ที่แย่ลงอย่างต่อเนื่อง

นอกจากเรื่องรายได้แล้วนั้น อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ “ความคุ้มค่าในการต่อสัญญาใหม่” โดย 3 BB มีค่าเช่าโครงข่ายสัญญาณกับกองทุน JASIF ปีละกว่า 10,000 ล้านบาทเมื่อรวมสัญญาประกันรายได้ ขณะที่ IFA หรือ ที่ปรึกษาการเงินอิสระ ประเมินว่าหากทาง 3BB ลงทุน ลากสายสัญญาณใหม่จะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 11,800 ล้านบาทกับระยะเวลาดำเนินงาน 18-24 เดือน

เมื่อนำมาเทียบความคุ้มทุนกับค่าเช่าปัจจุบันที่อยู่ประมาณปีละกว่า 10,000 ล้านบาท ก็มีโอกาสสูงที่ทาง TTTBB เจ้าของ 3BB จะไม่ต่อสัญญาเช่าโครงข่ายกับ JASIF ยกเว้นจะสามารถเจรจาสดอัตราค่าเช่าที่เหมาะสมกับสถานการณ์การแข่งขัน

เมื่อพิจารณาระยะเวลาสัญญาเดิมที่จะสิ้นสุดปี 2575 กับสัญญาใหม่ที่จะสิ้นสุดปี 2580 เซอร์ใหม่นั้น จะทำให้เงินปันผลรับรวมเพิ่มขึ้นจาก 7.8 บาทต่อหุ้น กลายเป็น 9.2 บาทต่อหุ้นโดยเพิ่มขึ้น 20% อีกทั้ง การได้รับสปอนเซอร์ใหม่อย่าง AIS ยังเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของ 3BB ที่มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีบริการใหม่ๆ ด้านความบันเทิงมาเสริมแกร่งให้แก่ 3BB

ทางฝั่งนักวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส ( ประเทศไทย ) จำกัด ให้ความเห็นถึงการมี AIS มาเป็นสปอนเซอร์ใหม่ ยังช่วยกำจัดความเสี่ยงด้านเครดิตกองทุน เพราะหาก AIS ต้องการระดมทุนเพื่อลงทุนในคลื่นความถี่หรือขยายโครงข่ายต่าง ๆ ก็เป็นการเพิ่มโอกาสในการขายสินทรัพย์เข้ากองทุน JASIF ซึ่งจะทำให้ผลตอบแทนในกองทุนเพิ่มขึ้นในอนาคตและหากนำมาเปรียบเทียบก็จะพบว่าสามารถทดแทนการลดลงของเงินปันผลในระยะสั้นได้