กรมควบคุมโรคย้ำ ความเสี่ยงโควิด-19 จากนักท่องเที่ยวยังอยู่ระดับปกติ

นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์
นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค

กรมควบคุมโรค เผย 8-21 ม.ค. 66 พบ นทท.ติดโควิด 8 ราย เป็นจีน 3 ราย เมียนมา กัมพูชา ญี่ปุ่น อังกฤษและเกาหลีใต้ อย่างละ 1 ราย

วันที่ 25 มกราคม 2565 นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อชาวต่างชาติทุกสัญชาติที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 8-21 ม.ค. 2566 พบผู้ติดเชื้อ 8 ราย โดยมีอาการต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพียง 1 ราย และที่เหลือส่วนใหญ่ไม่มีอาการ

สัญชาติที่ตรวจพบเชื้ออันดับ 1 คือจีน 3 ราย เมียนมา กัมพูชา ญี่ปุ่น อังกฤษ และเกาหลีใต้อย่างละ 1 ราย อัตราการพบผลบวกต่อโรคโควิด-19 ในช่วงสัปดาห์ที่ 2 (8-14 ม.ค. 2566) พบร้อยละ 1.7 สัปดาห์ที่ 3 (15-21 ม.ค. 2566) พบเพียงร้อยละ 0.5

จากการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด-19 ในประเทศไทย โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ รายงานขณะนี้สายพันธุ์ที่พบในไทยมากที่สุดเป็นสายพันธุ์โอมิครอน BA.2.75 (86%) ที่เหลือเป็นสายพันธุ์อื่นที่เคยพบในต่างประเทศ

และจากการเฝ้าระวังในกลุ่มผู้ที่ต้องเดินทางไปประเทศที่กำหนดให้ตรวจ RT-PCR เป็นลบก่อนขึ้นเครื่องนั้น ห้องปฏิบัติการต่าง ๆ ได้รายงานข้อมูลการติดเชื้อโควิด-19 เข้าระบบโคแล็บ (Co-Lab) พบติดเชื้อประมาณ 300-400 ราย มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยพบผลบวกในนักท่องเที่ยวชาวจีนเพียง 10 กว่าราย (ประมาณร้อยละ 4 ของผู้เดินทางสัญชาติเดียวกัน)

ทั้งนี้ ประเทศไทยได้มีมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยไม่ต้องกักตัวหรือมีผลตรวจโควิด-19 และขณะนี้หลายประเทศส่วนใหญ่ในทวีปยุโรปก็ใช้มาตรการเปิดประเทศแบบไม่ต้องกักตัวเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม บางประเทศมีมาตรการแตกต่างออกไป เช่น นักท่องเที่ยวต้องได้รับวัคซีนครบ 2 โดส อย่างน้อย 14 วัน ภายในระยะเวลาไม่เกิน 180-270 วัน หรือผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 และรักษาหายดีแล้ว หลักฐานการตรวจ RT-PCR ไม่เกิน 72 ชม. ก่อนเดินทาง หรือมีผลการทดสอบ Rapid Antigen Test ไม่เกิน 24 ชม. ก่อนเดินทาง เป็นต้น


นายแพทย์ธเรศย้ำว่า ขอให้ประชาชนยังคงดูแลตัวเอง และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ เลี่ยงที่แออัด สังเกตอาการตนเอง หากมีไข้ ไอ จาม คัดจมูก มีน้ำมูก จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรสชาติ ให้ตรวจ ATK ทันที เพื่อป้องกันการนำเชื้อโควิด-19 หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422