กรมอุตุฯอัพเดตเส้นทางพายุขนุน เหนือ-อีสาน ฝนยังตกหนัก 7-13 ส.ค.

เส้นทางพายุโซนร้อนขนุน
ภาพ : กรมอุตุนิยมวิทยา

กรมอุตุนิยมวิทยาอัพเดตเส้นทางพายุโซนร้อนขนุน (KHANUN) คาดเคลื่อนตัวเข้าคาบสมุทรเกาหลี-ประเทศญี่ปุ่น ยันไม่กระทบไทย เตือน “เหนือ-อีสาน” ฝนยังตกหนัก ช่วง 7-13 ส.ค.  โดยเฉพาะช่วง 12-13 ส.ค. มีฝน 60-70% ของพื้นที่ เหตุมีมรสุมพัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทย กับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและประเทศจีนตอนใต้

วันที่ 7 สิงหาคม 2566 กรมอุตุนิยมวิทยา อัพเดตเส้นทางพายุ “ขนุน (KHANUN)” เช้าวันนี้ (7/8/66) ว่า ล่าสุดพายุโซนร้อน “ขนุน (KHANUN)” มีศูนย์กลางบริเวณมหาสมุทรตะวันตก กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ค่อนไปทางเหนือ ทิศทางมุ่งหน้าไปทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น และคาบสมุทรเกาหลี (ทิศทางไม่ได้มุ่งเข้าสู่ประเทศไทย) จึงไม่มีผลกระทบกับประเทศไทย

แต่ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นและเกาหลี ตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทางในระยะนี้ (ข้อมูลนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ)

พายุโซนร้อนขนุน
พายุโซนร้อนขนุน

การคาดหมายอากาศทั่วไป ระหว่างวันที่ 7-13 สิงหาคม 2566

ในช่วงวันที่ 7-11 ส.ค. 66 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและประเทศจีนตอนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักมากบางแห่งในภาคเหนือ และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 12-13 ส.ค. 66 ร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทย และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะเริ่มมีกำลังแรงขึ้น

ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนบริเวณทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่าง ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ข้อควรระวัง
ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองตลอดช่วง

พื้นที่เสี่ยงภัยฝนตกหนัก

คาดหมายอากาศรายภาค ระหว่างวันที่ 7-13 สิงหาคม 2566

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 7-8 และ 12-13 ส.ค. 66 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งทางตอนบนและด้านตะวันตกของภาค

ส่วนในช่วงวันที่ 9-11 ส.ค. 66 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 22-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 7-11 ส.ค. 66 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากทางตอนบนของภาค ในช่วงวันที่ 7-8 ส.ค. 66

ส่วนในช่วงวันที่ 12-13 ส.ค. 66 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 7-11 ส.ค. 66 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่

ส่วนในช่วงวันที่ 12-13 ส.ค. 66 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 7-11 ส.ค. 66 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 12-13 ส.ค. 66 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 24-29 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-36 องศาเซลเซียส

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 7-11 ส.ค. 66 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 12-13 ส.ค. 66 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง

ตั้งแต่ จ.สุราษฏร์ธานีขึ้นมา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ตั้งแต่ จ.นครศรีธรรมราชลงไป ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-37 องศาเซลเซียส

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ในช่วงวันที่ 7-11 ส.ค. 66 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ในช่วงวันที่ 12-13 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง

ตั้งแต่ จ.ภูเก็ตขึ้นมา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ตั้งแต่ จ.กระบี่ลงไป ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-35 องศาเซลเซียส

กรุงเทพฯและปริมณฑล

ในช่วงวันที่ 7-11 ส.ค. 66 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่

ส่วนในช่วงวันที่ 12-13 ส.ค. 66 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 26-29 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. (ออกประกาศ 07 สิงหาคม 2566 12.00 น.)

พยากรณ์อากาศ กทม.7-13 สิงหาคม 2566