
นายกฯ เศรษฐา ร่วมทดสอบการเดินรถเสมือนจริง รถไฟฟ้าสายสีชมพู ก่อนเปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการฟรี ตลอดสาย 30 สถานี ตั้งแต่บ่าย 3 โมงวันนี้ (21 พ.ย. 2566)
วันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี ดร.พิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และ นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บจก.นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล
- MOTOR EXPO 2023 ยอดขายรถ 4 วันแรกทะลุ 8,300 คัน
- เช็กเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท เงินเข้าบัญชีวันนี้ 38 จังหวัด
- สพฐ.ประกาศหยุดเรียน 4-8 ธ.ค.ให้นักเรียน ม.ปลายเตรียมสอบ TGAT/TPAT
ตรวจเยี่ยมศูนย์ควบคุมการเดินรถ และเข้าร่วมทดสอบการเดินรถเสมือนจริง (Trial Run) โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี

โดยตลอดการเดินทางด้วยรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู (MRT สายสีชมพู) ในช่วงสถานีมีนบุรี (PK30) ถึงสถานีวัดพระศรีมหาธาตุ (PK16) เป็นไปอย่างราบรื่น และในวันเดียวกันนี้ ตั้งแต่เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป ขบวนรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู จะพร้อมเปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการ โดยไม่มีการเรียกเก็บค่าโดยสาร ได้ตลอดเส้นทางครบทั้ง 30 สถานี
และตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 จะเปิดให้ทดลองใช้บริการได้ระหว่างเวลา 06.00-20.00 น. ทุกวันต่อเนื่องไปจนกว่ารถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู จะมีความพร้อมในการขยายระยะเวลาทดลองให้บริการเพิ่มขึ้นตามลำดับ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชมในความร่วมแรงร่วมใจของกระทรวงคมนาคม การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และบริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (NBM) ผู้รับสัมปทาน ที่ได้ดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี เพื่อเติมเต็มโครงข่ายระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
จนบัดนี้โครงการมีความคืบหน้าเกือบ 100% และมีความพร้อมที่จะเปิดให้ประชาชนได้ทดลองใช้บริการกันแล้ว ซึ่งรัฐบาลมองว่า เป็นโอกาสอันดีที่อยากเชิญชวนให้ประชาชนในแนวสายทาง หรือผู้ที่สัญจรผ่านแนวถนนติวานนท์ ถนนแจ้งวัฒนะ และถนนรามอินทรา ไปจนถึงเขตมีนบุรี ได้ลองมาศึกษาแนวเส้นทางและรูปแบบการให้บริการของรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู ผ่านประสบการณ์ตรงในการทดลองใช้บริการ
ได้ทดลองปรับพฤติกรรมในการเดินทาง ลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล เปลี่ยนมาใช้ระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนที่สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น

สอดคล้องตามนโยบาย Quick Win ของรัฐบาลในด้าน “คมนาคม เพื่อความอุดมสุขของประชาชน” ที่มุ่งยกระดับความสุขของประชาชนในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ ความปลอดภัย การให้บริการที่เป็นมาตรฐานสากล และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
รถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู นับเป็นรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Monorail) สายที่สองของประเทศไทย ต่อจากรถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลือง (MRT สายสีเหลือง) ที่ได้เปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบเชิงพาณิชย์ไปแล้วเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา
ซึ่งมีจุดเด่นในการทำหน้าที่เป็นระบบขนส่งมวลชนระบบรอง (Feeder Line) เช่นเดียวกัน เพราะมีสถานีที่เป็นจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายหลักมากถึง 5 สถานี ได้แก่
- สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (MRT สายสีม่วง)
- สถานีหลักสี่ เชื่อมต่อกับรถไฟชานเมือง สายธานีรัถยา
- สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียว
- สถานีวัชรพล เชื่อมต่อกับโครงรถไฟฟ้าสายสีเทาในอนาคต
- สถานีมีนบุรี เชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายสีส้ม
จึงสามารถขนส่งผู้โดยสารจากพื้นที่จังหวัดนนทบุรีและตอนเหนือของกรุงเทพมหานคร เข้าสู่รถไฟฟ้าสายหลักที่วิ่งให้บริการในพื้นที่ใจกลางเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในด้านศักยภาพการรองรับผู้โดยสาร จะมีรถไฟฟ้าวิ่งให้บริการในระบบและขบวนสำรอง รวมทั้งสิ้น 42 ขบวน โดยระยะแรกแต่ละขบวนจะให้บริการด้วยขนาด 4 ตู้ต่อขบวน สามารถขนส่งผู้โดยสารได้ประมาณ 17,000 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง และในอนาคตเมื่อจำนวนผู้โดยสารเพิ่มสูงขึ้นก็สามารถเพิ่มขนาดสูงสุดได้ถึง 7 ตู้ต่อขบวน รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 28,000 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง เมื่อให้บริการด้วยความถี่ 2 นาที
ทั้งนี้ รัฐบาลได้กำชับให้ รฟม.ติดตามตรวจสอบการทดลองให้บริการของรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู แก่ประชาชนอย่างใกล้ชิด ประเมินความพร้อมของงานและความปลอดภัยต่อผู้โดยสารที่จะเข้ามาใช้บริการในระบบรถไฟฟ้าเป็นหัวใจสำคัญสูงสุด ก่อนที่จะรับรองการเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบเชิงพาณิชย์ให้แก่ผู้รับสัมปทานต่อไป ซึ่งคาดว่าจะไม่เกินเดือนธันวาคม 2566 นี้
นอกจากนี้ ในอนาคตอันใกล้รถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู จะเปิดให้บริการส่วนต่อขยาย ช่วงสถานีศรีรัช-เมืองทองธานี เพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าสามารถเดินทางจากสถานีเมืองทองธานี เข้าสู่พื้นที่เมืองทองธานี ผ่านวงแหวนเมืองทองธานี ไปสิ้นสุดปลายทางบริเวณทะเลสาบเมืองทองธานีได้โดยสะดวก รวดเร็วยิ่งขึ้น
