
กรมอุตุฯเตือน เข้าช่วงปลายฤดูหนาวแล้ว อากาศแปรปรวน ลมเริ่มเปลี่ยนทิศทาง อุณหภูมิสูงขึ้น เตรียมรับมือเช้าอากาศเย็น มีหมอกบางพื้นที่ กลางวันร้อน เมฆเพิ่มขึ้น แถมบางวันอาจมีฝนตก คาดมีผลกระทบช่วง 6-19 ก.พ.นี้ กทม.ร้อนสุด 30-34 องศาเซลเซียส
กรมอุตุนิยมวิทยา อัพเดต ผลการพยากรณ์ฝนสะสมรายวัน (ทุก ๆ 24 ชม. (นับตั้งแต่ 07.00 น. ถึง 07.00 น.วันรุ่งขึ้น) และลมที่ระดับ 925hPa (750 ม.) 15 วันล่วงหน้า ระหว่าง 5-19 ก.พ. 68 init. 2025020412 จากศูนย์พยากรณ์อากาศระยะกลางยุโรป (ECMWF) วิเคราะห์ตามผลจากแบบจำลองฯ เฉดสีแดงหมายถึงฝนหนัก สีเขียวหมายถึงฝนเล็กน้อย : แบ่งช่วงการพยากรณ์อากาศดังนี้
วันนี้ (5 ก.พ. 68) มวลอากาศเย็นยังแผ่ปกคลุมภาคอีสานตอนบน ทำให้ลมหนาวยังพัดปกคลุมมีกำลังปานกลาง อากาศเย็นลงเล็กน้อยบริเวณภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง สถานการณ์ฝุ่นสะสมน้อยลงบ้าง (จากลมที่ยังพัดอยู่ แต่ฝุ่นยังไม่หายไปไหน) ภาคใต้มีฝนบางแห่ง ปริมาณฝนเล็กน้อยถึงปานกลาง คลื่นลมมีกำลังปานกลาง
ช่วงวันที่ 6-7 ก.พ. 68 มวลอากาศเย็นที่แผ่ลงมาปกคลุมมีกำลังอ่อนลง ลมเริ่มเปลี่ยนทิศทาง มีลมทิศใต้ ตะวันออกเฉียงใต้ พัดปกคลุม เช้าอากาศเย็นมีหมอกบางพื้นที่ อุณหภูมิเริ่มสูงขึ้น กลางวันอากาศร้อนขึ้น ในระยะนี้ทิศทางลมมีทิศทางแปรปรวน
ช่วงวันที่ 8-10 ก.พ. 68 จะมีมวลอากาศเย็นกำลังปานกลาง แผ่เสริมลงมาปกคลุมอีกช่วง เป็นปลายช่วงฤดูหนาวปีนี้ และมีกระแสลมฝ่ายตะวันออกพัดปกคลุมภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคใต้ ทำให้มีเมฆเพิ่มขึ้น ฝนเล็กน้อยถึงปานกลาง เกิดขึ้นในบริเวณดังกล่าว และภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นบ้าง
ส่วนปลายช่วง (11-19 ก.พ. 68) มีกระแสลมฝ่ายตะวันตกในระดับบนพัดปกคลุมภาคเหนือ และมีลมทิศใต้ ลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคอีสานตอนล่าง ภาคตะวันออก ทำให้เริ่มมีฝนกระจายเพิ่มขึ้น ยังต้องติดตามเนื่องจากเป็นช่วงของการเปลี่ยนถ่ายฤดูกาล สภาพอากาศมีความแปรปรวน ฝนอาจมาเร็วขึ้น
(ข้อมูลนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ตามข้อมูลนำเข้าและประมวลผลใหม่ ใช้เป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจและติดตามสภาพอากาศ)
ข้อควรระวัง
ในช่วงวันที่ 6-7 ก.พ. ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย ส่วนในช่วงวันที่ 8-11 ก.พ. ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบน และภาคใต้ตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลง รวมทั้งระมัดระวังอันตรายจากอัคคีภัยเนื่องจากสภาพอากาศแห้งและลมแรง สำหรับชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย และเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันเวลาดังกล่าว

คาดหมายอากาศรายภาค
วันที่ 5-11 ก.พ. 2568
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 6-8 ก.พ. อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาบางพื้นที่ โดยอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 15-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-37 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-13 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 5-15 กม./ชม.
ส่วนในช่วงวันที่ 9-11 ก.พ. อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 11-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-34 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 3-11 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 6 และ 11 ก.พ. อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาบางพื้นที่ โดยอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 14-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-36 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-15 กม./ชม.
ส่วนในช่วงวันที่ 7-10 ก.พ. อากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 11-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-31 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-13 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 6-8 และ 11 ก.พ. อากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาบางพื้นที่ อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 20-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม.
ส่วนในช่วงวันที่ 9-10 ก.พ. อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียสอุณหภูมิต่ำสุด 17-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 6-7 และ 11 ก.พ. อากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาบางพื้นที่ อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร
ส่วนในช่วงวันที่ 8-10 ก.พ. อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียสอุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)
อากาศเย็นในตอนเช้าทางตอนบนของภาค ตลอดช่วง
ในช่วงวันที่ 6-7 ก.พ. มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง
ตั้งแต่ จ.สุราษฎร์ธานี ขึ้นมา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร
ตั้งแต่ จ.นครศรีธรรมราช ลงไป ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
ในช่วงวันที่ 8-11 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-30 ของพื้นที่
ตั้งแต่ จ.สุราษฎร์ธานี ขึ้นมา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ตั้งแต่ จ.นครศรีธรรมราช ลงไป ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 18-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-34 องศาเซลเซียส
ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก)
อากาศเย็นในตอนเช้า ตลอดช่วง
ในช่วงวันที่ 6-8 ก.พ. มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-35 องศาเซลเซียส
ส่วนในช่วงวันที่ 9-11 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
กรุงเทพฯและปริมณฑล
ในช่วงวันที่ 6-8 และ 11 มีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาบางพื้นที่ อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม.
ส่วนในช่วงวันที่ 9-10 ก.พ. อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
(ออกประกาศ 5 กุมภาพันธ์ 2568 12.00 น.)