
เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน สาธารณสุขนิเทศก์ เขตสุขภาพที่ 10 พร้อมด้วย นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป แถลงความคืบหน้าของสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ว่า สำหรับผู้ป่วยในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นในหลักพัน ได้แก่ อิตาลี 6,557 ราย สหรัฐอเมริกา 9,407 ราย สเปน 5,084 ราย เยอรมนี 3,570 ราย อิหร่าน 966 ราย ฝรั่งเศส 3,464 ราย เกาหลีใต้ 147 ราย สวิตเซอร์แลนด์ 1,699 ราย และอังกฤษ 1,749 ราย ซึ่งเป็นประเทศแถบทางยุโรป เป็นส่วนใหญ่
ในส่วนของประเทศไทย พบผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันเพิ่มขึ้นอีก 188 ราย รวมผู้ป่วยสะสมทั้งสิ้น 599 ราย กลับบ้านแล้ว 1 ราย จากรพ.บำราศนราดูร
- เปิดตัว “คอร์ทยาร์ด บาย แมริออท กรุงเทพฯ สุวรรณภูมิ” ห่างสนามบิน 10 นาที
- พระราชินี เสด็จฯ ส่วนพระองค์ ทรงร่วมวิ่ง CIB RUN 2023 ระยะทาง 10 กิโลเมตร
- พระราชินี ทรงนำทีมแข่งขันเรือใบนานาชาติ เข้าเส้นชัยอันดับ 1
สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 188 ราย นับเป็นรายที่ 412-599 ราย แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มที่ 1 เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันเดิมและเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยก่อนหน้านี้ จำนวน 65 ราย ได้แก่
1.เกี่ยวข้องกับสนามมวย จำนวน 21 ราย ได้แก่ นักมวย เซียนมวย ผู้ปล่อยแถวนักมวย ผู้ชม จากกรุงเทพมหานคร จ.เลย จ.หนองบัวลำภู จ.ปทุมธานี จ.อุดรธานี จ.ชลบุรี จ.นนทบุรี จ.พัทลุง จ.แพร่ และ จ.สมุทรปราการ
2.เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิง จำนวน 5 ราย ได้แก่ พนักงานร้านอาหาร พนักงานเสิร์ฟ พนักงานต้อนรับ พบผู้ป่วยที่ จ.อุดรธานี และ จ.เพชรบูรณ์ มีประวัติทำงานในสถานที่ท่องเที่ยวย่านทองหล่อ
3.เกี่ยวข้องกับผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาในประเทศมาเลเชีย 2 ราย ซึ่งอยู่ใน จ.นราธิวาส และ จ.ยะลา
4.ผู้ป่วยที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีการรายงานมาก่อนหน้านี้ จำนวน 37 ราย กระจายที่กรุงเทพฯ จ.สมุทรปราการ จ.สุโขทัย จ.นนทบุรี จ.ชลบุรี จ.ปัตตานี จ.สงขลา จ.ขอนแก่น จ.ปราจีนบุรี จ.อุดรธานี และสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันในสนามมวย สถานบันเทิง ผู้ที่เดินทางกลับจากปอยเปตที่ประเทศกัมพูชา
กลุ่มที่ 2 ผู้ป่วยรายใหม่ มีจำนวน 15 ราย ได้แก่
1.ผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ 8 ราย เป็นชาวไทยที่ทำงานในผับปอยเปต ประเทศกัมพูชา 6 ราย นักเรียนชาวสวิตเซอร์แลนด์และอเมริกันกลับจากอิหร่าน 2 ราย ซึ่งหลายลายมีประวัติเดินทางกลับจากการท่องเที่ยวในสถานบันเทิงในต่างประเทศ เช่น ปอยเปต
2.ผู้ที่ทำงานหรืออาศัยอยู่ในพื้นที่แออัดที่จะต้องใกล้ชิดกับคนจำนวนมาก หรือเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ จำนวน 7 ราย ได้แก่ คนขายล็อตเตอรี่ ค้าขายแถวสนามมวย
3.ผู้ป่วยกลุ่มที่ยืนยันทางห้องปฏิบัติการ (แล็บ) แล้วแต่ต้องรอการสอบสวนโรคและประวัติเสียงเพิ่มเติมจำนวน 108 ราย
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สถานการณ์ในประเทศไทย ขณะนี้มีผู้ป่วยหายกลับบ้านเพิ่ม 1 ราย จากสถาบันบำราศนราดูร สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการหนักมี จำนวน 7 ราย โดยรักษาตัว อยู่ที่สถาบันบำราศนราดูร รพ.เพชรบูรณ์ รพ.จุฬาลงกรณ์ รพ.ศิริราช รพ.ราชวิถี และ รพ.เอกชน ทุกรายใส่เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งทีมแพทย์จะต้องเข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สรุปรวมประเทศไทยพบผู้ป่วยยืนยัน 599 ราย กลับบ้านแล้ว 45 ราย และรักษาอยู่ในโรงพยาบาล จำนวน 553 ราย มีผู้ป่วยอาการหนัก 7 ราย และเสียชีวิต 1 ราย
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า จากการคัดกรองในประเทศไทยทุกด่าน สะสม 5,954,621 ราย แผนที่พบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระจายตัวทั่วประเทศไทย ข้อมูล วันที่ 21 มีนาคม จำนวน 411 ราย แบ่งเป็น 1.กรุงเทพมหานคร (กทม.) 284 ราย 2.จ.สมุทรปราการ 18 ราย 3.จ.ภูเก็ต 13 ราย 4.จ.ปัตตานี 11 ราย 5.จ.นนทบุรี 9 ราย 6.จ.เชียงใหม่ 8 ราย 7.จ.ชลบุรี จ.นราธิวาส จ.ประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดละ 6 ราย 8.จ.สุราษฎร์ธานี จ.สงขลา จังหวัดละ 5 ราย 9.จ.ยะลา จ.ปทุมธานี จังหวัดละ 4 ราย 10.จ.นครราชสีมา จ.กาญจนบุรี จ.สุรินทร์ จังหวัดละ 3 ราย
11.จ.กระบี่ จ.สมุทรสาคร จ.อุบลราชธานี จังหวัดละ 2 ราย 12.จ.เพชรบูรณ์ จ.กาฬสินธุ์ จ.ขอนแก่น จ.นครปฐม จ.นครศรีธรรมราช จ.ร้อยเอ็ด จ.สระบุรี จ.สุโขทัย จ.สุพรรณบุรี จ.นครนายก จ.นครสวรรค์ จ.บุรีรัมย์ จ.ปราจีนบุรี จ.มุกดาหาร จ.ระยอง จ.ลพบุรี จ.ศรีสะเกษ จ.สมุทรสาคร จังหวัดละ 1 ราย ขณะนี้ประเทศไทยพบผู้ป่วยในจำนวนที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเป็นการเพิ่มขึ้นในต่างจังหวัด 127 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมเกือบเท่าตัว
โฆษก สธ. กล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 มี.ค. ที่ผ่านมา มีคำสั่งจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในลักษณะของการปิดสถานบริการต่างๆ และมีแนวโน้มว่าประชาชนที่เป็นแรงงานในกรุงเทพมหานคร จะเคลื่อนย้ายออกไปยังส่วนภูมิภาคซึ่งอาจจะส่งผลให้มีการแพร่กระจายโรคที่มากขึ้น
ทั้งนี้ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติได้ส่งหนังสือด่วนที่สุด โดย นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค ในฐานะเลขานุการ ลงวันที่ 21 มีนาคม 2563 ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ในฐานะประธานกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ขอความร่วมมือจัดทำแผนปฏิบัติการค้นหา เฝ้าระวัง และป้องกันโรคระดับอำเภอและหมู่บ้าน หลังจากที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว เนื่องจากพบการเพิ่มของจำนวนผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ประชาชนส่วนหนึ่งเดินทางเพื่อกลับภูมิลำเนา โดยให้ทุกจังหวัดดำเนินการ ดังนี้
1.จัดตั้งทีมอาสา “โควิด-19” ระดับอำเภอและหมู่บ้านเพื่อดำเนินการค้นหาและเฝ้าระวัง
2.จัดทำฐานข้อมูลของผู้เดินทางกลับจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่มาถึงภูมิลำเนา ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2563 เป็นต้นไป
3.ให้ความรู้และสร้างความเข้าใจให้แก่ผู้เดินทางกลับมาจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อแยกตัวสังเกตอาการไข้และอาการทางเดินหายใจทุกวัน และหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดผู้อื่นในที่พำนักหรือที่พักอาศัยจนครบ 14 วัน นับจากวันที่เดินทางมาถึงภูมิลำเนา
4.แจ้งผู้เดินทางกลับมาจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ดังต่อไปนี้ ไม่รับประทานอาหารและใช้ภาชนะร่วมกับผู้อื่น ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดตัว หมอน ผ้าห่ม แก้วน้ำ ซ้อนส้อม ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงการพูดคุย ใกล้ชิดกับผู้อื่น โดยเฉพาะผู้สูงอายุ และผู้ป่วยเรื้อรัง หากมีไข้และอาการทางเดินหายใจ ให้สวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าและรีบแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่โดยทันที
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังส่งหนังสือขอความร่วมมือไปยังผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมือง ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย อธิบดีกรมขนส่งทางบก คัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางออกจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล
ให้ทำความสะอาดสถานี ยานพาหนะก่อนและหลังเดินทาง เน้นพื้นที่สัมผัสร่วม เช่น ราวจับบันได ประตู ห้องน้ำ เก็บบันทึกข้อมูลผู้เดินทาง ลดความแออัดผู้โดยสาร จัดที่นั่งให้เว้นระยะห่าง ให้คำแนะนำผู้โดยสารเรื่องการป้องกันโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจ เช่น หมั่นล้างมือ ใส่หน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า เมื่อถึงเดินทางถึงสถานีปลายทางหากพบผู้โดยสารมีไข้ ไอ และอาการระบบทางเดินหายใจให้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อรายงานต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่
🔴 [Live] แถลงความคืบหน้า สถานการณ์ โรคไวรัสโควิด-19 ณ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขประจำวันที่ 22 มีนาคม 2563#โรคไวรัสโควิด19#โควิด19#COVID19#ไวรัสโคโรนา#เกาะติดไวรัสโคโรนา#ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019#กระทรวงสาธารณสุข#mophchannel#ไทยรู้สู้โควิด
โพสต์โดย กระทรวงสาธารณสุข เมื่อ วันเสาร์ที่ 21 มีนาคม 2020