ผู้ติดเชื้อไวรัส “โควิด” รายใหม่เพิ่ม 3 ราย รวมสะสม 3,028 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต

ศบค.แถลงมีผู้ติดเชื้อ “โควิด” รายใหม่เพิ่ม 3 ราย รวมผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 3,028 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 17 พฤษภาคม 2563 ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ ศบค. ภายในห้องโถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ประจำวัน ว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3 ราย รวมมีผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 3,028 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมมีผู้เสียชีวิตสะสม 56 ราย หายป่วยแล้ว 2,856 ราย ผู้ป่วยรักษาอยู่ 116 ราย

สำหรับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) ของโลก พบผู้ติดเชื้อยืนยันสะสมอยู่ที่ 4,720,196 ราย โดยเพิ่มขึ้นจากวานนี้ถึง 91,840 ราย  อาการหนัก 44,000 ราย หายป่วยแล้วประมาณ 1,800,000 ราย หายป่วยเพิ่มภายในวันเดียว 53,000 ราย และเสียชีวิตไป 313,220 ราย คิดเป็นร้อยละ 6.6

ทั้งนี้ สหรัฐอเมริกายังคงเป็นประเทศอันดับหนึ่งของจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมสูงสุด โดยมีผู้ป่วยยืนยันสะสม 1,500,000 กว่าราย ตามด้วยสเปน รัสเซีย สหราชอาณาจักร (อังกฤษ) บราซิล อิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมนี ตุรกี และอิหร่าน ตามลำดับ

ผู้ป่วยรายใหม่มากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ของโลก คือ สหรัฐอเมริกา รองลงมาบราซิล อินเดีย อยู่ที่อันดับ 4 เปรู อันดับ 5 ตามด้วยสหราชอาณาจักร และซาอุดิอาระเบีย รวมทั้งสหรัฐอเมริกายังเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตรายใหม่มากเป็นอันดับที่ 1 เช่นเดิม โดยเสียชีวิตเพิ่มเมื่อวานนี้ 1,606 ราย

สำหรับสถานการณ์จำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมในกลุ่มประเทศอาเซียนและเอเชียพบว่า อินเดียยังเป็นอันดับที่ 1 มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 90,648 ราย รองลงมา จีน ปากีสถาน สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ และมาเลเซีย ส่วนประเทศไทยไม่อยู่ใน 10 อันดับนี้แล้ว

โฆษก ศบค. กล่าวถึงประเด็นข่าวต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับเด็กระบุว่า มีจำนวนเด็กป่วยด้วยอาการผิดปกติเกี่ยวกับภูมิต้านทานที่มีความเชื่อมโยงกับโรคโควิด-19 ในเด็กในยุโรปและสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขกล่าวว่า ยุโรปและสหรัฐอเมริกา มีจำนวนเด็กที่มีอาการผิดปกติเกี่ยวกับภูมิต้านทานซึ่งมีความเชื่อมโยงกับโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้นในช่วงเวลาไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีรายงานเด็กอย่างน้อย 5 คนเสียชีวิตจากอาการดังกล่าว ซึ่ง 3 คนนี้อยู่ที่นิวยอร์กของสหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศสและอังกฤษ ประเทศละ 1 คน ส่วนอีกอย่างน้อย 2 คนก็เสียชีวิตด้วยอาการที่คล้ายกัน

ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) กำลังศึกษาความเป็นไปได้เกี่ยวกับความเชื่อมโยงกันระหว่างโรคโควิด-19 กับโรคที่ทำให้เกิดอาการอักเสบในอวัยวะต่าง ๆ ซึ่งทำให้เด็ก ๆ ในยุโรปและอเมริกาเจ็บป่วยและเสียชีวิต ซึ่งผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก เปิดเผยว่ากลุ่มอาการอักเสบของอวัยวะหลายระบบ (multisystem inflammatory syndrome) ในเด็กนั้นอาจเกี่ยวพันกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่โควิด-19  ทำให้เด็กต้องเข้า ICU ในแผนกผู้ป่วยหนัก ด้วยกลุ่มอาการอาการข้างต้นจะคล้ายกันกับโรคคาวาซากิและอาการท็อกซิกช็อก (TSS – Toxic shock syndrome)

ข้อมูลดังกล่าวถือว่ามีความสำคัญ เพราะเป็นโควิด -19 เป็นโรคใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ 5 เดือน แม้จะมีจำนวนน้อยแต่เมื่อเป็นแล้วมีอาการหนักถึงเสียชีวิต จึงต้องรีบเข้าไปศึกษาวิเคราะห์วิจัยกัน เพราะฉะนั้นยังต้องดูแลกลุ่มเด็กและผู้สูงอายุเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงอยู่ เพื่อให้ทุกคนได้เรียนรู้และป้องกันดูแลคนที่รักให้ปลอดโรคปลอดภัย

รายงานศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง การตรวจกิจการ/กิจกรรมที่ได้รับการผ่อนคลาย พบว่าโดยส่วนใหญ่ร่วมมือดี จากทั้งหมด 20,204 กิจการ/กิจกรรม ปฏิบัติไม่ครบ 51 กิจการ/กิจกรรม คิดเป็นร้อยละ 0.25 และไม่ปฏิบัติตามร้อยละ 0 จึงขอขอบคุณประชาชนทุกคนและทุกส่วนกิจการ/กิจกรรมต่าง ๆ ที่ร่วมมือกัน