เช็กที่นี่ มาตรการแจกเงิน เยียวยาประชาชน-ธุรกิจ รอบใหม่

Photo by AFP

หลังปีใหม่ 2564 การระบาดของโควิด-19 ยังรุนแรงต่อเนื่อง ภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการ และประชาชนได้รับผลกระทบหนัก ทำให้รัฐบาลต้องทยอยออกมาตรการและโครงการช่วยเหลือเยียวยาฯ ภายใต้แนวคิด “ลดภาระค่าใช้จ่าย เสริมสภาพคล่อง ช่วยเหลือผู้ใช้แรงงาน” มาตรการช่วยเหลือเยียวยาแพ็กเกจล่าสุดจัดกลุ่มมาตรการและโครงการได้เป็น 3 กลุ่ม ดังต่อไปนี้

ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภค

1.ลดค่าไฟฟ้า 2 เดือน ตามใบแจ้งหนี้ ก.พ.-มี.ค. 64 โดยแบ่งเป็น 3 มาตรการ ประกอบด้วย

-มาตรการสำหรับบ้านที่อยู่อาศัยที่ติดตั้งมิเตอร์ไม่เกิน 5 แอมป์ และใช้ไฟไม่เกิน 150 หน่วย/เดือน รวมจำนวน 10.13 ล้านราย ซึ่งจะให้ใช้ไฟฟ้าฟรี 90 หน่วยแรก ทุกราย

-มาตรการสำหรับบ้านที่อยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าเกิน 150 หน่วย/เดือน รวมจำนวน 11.83 ล้านราย จะได้รับส่วนลดค่าไฟฟ้าในส่วนของหน่วยการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากบิลค่าไฟฟ้าเดือน ธ.ค. 63 เป็นฐานในการคำนวณส่วนลด

-สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทกิจการขนาดเล็ก (ไม่รวมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ) ของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ลูกค้าตรงของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และผู้ใช้ไฟฟ้าของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการฯ ที่มีลักษณะเป็นการอยู่อาศัยร่วมกับการประกอบธุรกิจรายเล็ก จะให้ค่าไฟฟ้าฟรี 50 หน่วยแรก ทุกราย

2.ลดค่าน้ำประปา 10% เฉพาะบ้านที่อยู่อาศัยและกิจการขนาดเล็ก ไม่รวมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ เป็นเวลา 2 เดือน ตามใบแจ้งหนี้เดือน ก.พ.-มี.ค. 64

3.เพิ่มความเร็วอินเทอร์เน็ต ลดค่าใช้จ่าย โดยกระทรวงดีอีเอส กสทช. และผู้ประกอบการค่ายโทรศัพท์มือถือ มีมติเพิ่มความเร็วความแรงอินเทอร์เน็ตบ้านและโทรศัพท์มือถือ ให้ผู้ใช้บริการใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ดียิ่งขึ้น โดยไม่ต้องเพิ่มค่าใช้จ่าย เพื่อสนับสนุนการทำงานจากที่บ้าน รวมถึงให้โหลดแอปพลิเคชั่นหมอชนะ ฟรี โดยไม่คิดค่า data เป็นเวลา 3 เดือน

 

เสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการและประชาชน

1.พ.ร.ก. Soft Loan ธปท. วงเงิน 500,000 ล้านบาท ณ วันที่ 4 ม.ค. 64 มีวงเงินคงเหลือ 370,000 ล้านบาท รับคำขอสินเชื่อถึงวันที่ 18 เม.ย. 64

2.โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ โดยธนาคารออมสิน ประกอบด้วย

-โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากโควิด-19 สำหรับผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง (soft loan ท่องเที่ยว) วงเงิน 10,000 ล้านบาท ณ วันที่ 4 ม.ค. 64 มีวงเงินคงเหลือ 7,600 ล้านบาท โดยธนาคารออมสินสนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ำให้สถาบันการเงินในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.01/ปี เป็นระยะเวลา 2 ปี และสถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง วงเงินสินเชื่อต่อรายไม่เกิน 100 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2/ปี ระยะเวลา 2 ปี รับคำขอสินเชื่อถึงวันที่ 30 มิ.ย. 64

-โครงการสินเชื่อฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย วงเงิน 5,000 ล้านบาท ณ วันที่ 4 ม.ค. 64 มีวงเงินคงเหลือ 4,200 ล้านบาท ธนาคารออมสินสนับสนุนสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ขนาดเล็ก และผู้ประกอบการรายย่อยในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและซัพพลายเชน วงเงินสินเชื่อต่อรายไม่เกิน 500,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.99/ปี ระยะเวลากู้ 5 ปี ปลอดชำระเงินต้น 1 ปี รับคำขอสินเชื่อถึงวันที่ 30 มิ.ย. 64

-โครงการสินเชื่อออมสิน SMEs วงเงิน 10,000 ล้านบาท ธนาคารออมสินให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการ SMEs โดยใช้หลักประกันสินเชื่อเป็นที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และไม่ต้องผ่านการตรวจเครดิตบูโร วงเงินสินเชื่อต่อรายไม่เกินร้อยละ 70 ของราคาประเมินที่ดินของทางราชการ สูงสุดไม่เกิน 50 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.99/ปี ระยะเวลากู้ 3 ปี รับคำขอสินเชื่อถึงวันที่ 30 มิ.ย. 64

3.สินเชื่อ Extra Cash โดย ธพว. ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 วงเงินโครงการ 10,000 ล้านบาท วงเงินเหลือประมาณ 5,900 ล้านบาท รับคำขอสินเชื่อถึงวันที่ 30 มิ.ย. 64

4.บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) มีมาตรการช่วยเหลือ SMEs สู้ภัยโควิด-19 วงเงินค้ำประกันรวม 100,000 ล้านบาท เน้นช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs กลุ่มเปราะบาง กลุ่มทั่วไป และผู้ประกอบการรายย่อย ประกอบด้วย

-โครงการค้ำประกันสินเชื่อ บสย. SMEs ไทยสู้ภัยโควิด วงเงิน 5,000 ล้านบาท ระยะที่ 9 รับคำขอค้ำประกันสินเชื่อถึงวันที่ 31 ม.ค. 64

-โครงการค้ำประกันสินเชื่อ บสย. รายย่อย ไทยสู้ภัยโควิด วงเงิน 5,000 ล้านบาท รับคำขอค้ำประกันสินเชื่อถึงวันที่ 31 ม.ค. 64

-โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS Soft Loan พลัส วงเงินคงเหลือประมาณ 54,000 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่มีคุณสมบัติตาม soft loan ธปท. และ soft loan ท่องเที่ยวของธนาคารออมสิน รับคำขอค้ำประกันสินเชื่อตามระยะเวลารับคำขอสินเชื่อของแต่ละโครงการ

5.มาตรการสินเชื่อเพื่อการลงทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยธนาคารส่งเสริมการส่งออกและการนำเข้า (ธสน.) สนับสนุนสินเชื่อให้ผู้ประกอบการส่งออกและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงผู้นำเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์ วงเงินสินเชื่อรายละไม่เกิน 100 ล้านบาท รวมวงเงิน 5,000 ล้านบาท ขยายเวลาพิจารณาและอนุมัติสินเชื่อไปถึงวันที่ 30 มิ.ย. 64 *ณ วันที่ 3 ธันวาคม มีวงเงินคงเหลือ 2,142 ล้านบาท

6.โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ที่มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สนับสนุนสินเชื่อวงเงิน 20,000 ล้านบาท ให้แก่ประชาชนที่ทำอาชีพอิสระ ไม่มีรายได้ประจำ และเกษตรกรรายย่อย คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ (flat rate) ไม่เกินร้อยละ 0.10/เดือน ขยายเวลารับคำขอสินเชื่อออกไปถึงวันที่ 30 มิ.ย. 64 *ณ วันที่ 14 ธ.ค. 63 รวม 2 ธนาคารมีวงเงินคงเหลือ 14,365 ล้านบาท

7.โครงการสินเชื่อเสริมพลังฐานราก ธนาคารออมสิน วงเงิน 1,000 ล้านบาท เพื่อปล่อยสินเชื่อให้ครอบคลุมถึงผู้ประกอบการรายย่อย ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ผู้มีรายได้ประจำ รวมถึงบุคคลในครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ภัยทางเศรษฐกิจ และภัยธรรมชาติ โดยคิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ไม่เกินร้อยละ 0.35/เดือน ขยายเวลารับคำขอสินเชื่อออกไปถึงวันที่ 30 มิ.ย. 64 และให้โยกวงเงินที่เหลือจากโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีรายได้ประจำ ที่มีวงเงินเหลือ 2,987 ล้านบาท มาดำเนินการรวมกันในโครงการสินเชื่อเสริมพลังฐานราก เมื่อบวกกับวงเงินเดิมของโครงการที่เหลือ 7,245 บาท รวมเป็นวงเงินสำหรับปล่อยสินเชื่อทั้งสิ้น 10,412 ล้านบาท

8.โครงการ ธอส. รวมไทย สร้างชาติ ปี 2564 ประกอบด้วย 4 มาตรการลดเงินงวดผ่อนชำระ (ตัดเงินต้นและตัดดอกเบี้ย) นานสูงสุด 6 เดือน ได้แก่

-มาตรการที่ 9 สำหรับลูกค้า ธอส.ที่เคยเข้าร่วมหรืออยู่ระหว่างใช้มาตรการช่วยเหลือฯ ของ ธอส. ลดเงินงวดผ่อนชำระ (ตัดเงินต้นและตัดดอกเบี้ย) เหลือ 25% หรือ 50% หรือ 75% ของเงินงวดผ่อนชำระในปัจจุบันเป็นระยะเวลา 6 เดือน (ก.พ.-ก.ค. 64) ลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการระยะแรกผ่านแอปพลิเคชั่น GHB ALL วันที่ 15-29 ม.ค. 64

-มาตรการที่ 10 สำหรับลูกหนี้สถานะ NPL และลูกหนี้สถานะ NPL ที่อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้ ลดเงินงวดผ่อนชำระ (ตัดเงินต้นและตัดดอกเบี้ย) เหลือ 25% หรือ 50% หรือ 75% ของเงินงวดผ่อนชำระในปัจจุบันเป็นระยะเวลา 6 เดือน (ก.พ.-ก.ค. 64) ลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการระยะแรก วันที่ 15 ม.ค.-26 ก.พ. 64

-มาตรการที่ 11 สำหรับลูกค้า ธอส. ที่ไม่เคยเข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือฯ ของ ธอส. ลดเงินงวดผ่อนชำระ (ตัดเงินต้นและตัดดอกเบี้ย) เหลือ 25% หรือ 50% หรือ 75% ของเงินงวดผ่อนชำระในปัจจุบันเป็นระยะเวลา 6 เดือน (ก.พ.-ก.ค. 64) ลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการระยะแรก วันที่ 1 ก.พ.-26 ก.พ. 64

-มาตรการที่ 12 สำหรับลูกค้าผู้ประกอบการ SMEs สินเชื่อประเภทแฟลต แบ่งเป็น 1.ได้ลดเงินงวดผ่อนชำระ (ตัดเงินต้นและตัดดอกเบี้ย) เหลือ 25% หรือ 50% หรือ 70% ของเงินงวดผ่อนชำระในปัจจุบันเป็นระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน หรือไม่เกิน มิ.ย. 64 หรือ 2.พักชำระหนี้ถึง มิ.ย. 64 ในกรณีที่ได้รับผลกระทบทำให้รายได้ไม่เพียงพอสำหรับชำระหนี้ ยื่นคำขอเข้ามาตรการระยะแรกได้ที่สาขาทั่วประเทศภายในวันที่ 31 มี.ค. 64

9.ปรับปรุงเงื่อนไขโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ให้ผู้ใช้สิทธิ์ที่จองที่พักตั้งแต่ ม.ค.-ก.พ. 64 เลื่อนการเดินทางออกไปได้ถึงเดือน เม.ย. 64 โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และมอบ ททท.พิจารณาขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการที่เหมาะสมและปรับปรุงโครงการเราเที่ยวด้วยกันให้มีความรัดกุม

10.โครงการคนละครึ่ง ขยายสิทธิ์เพิ่มอีก 1 ล้านสิทธิ์ เริ่มเปิดให้ลงทะเบียน 20 ม.ค. ใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่ 25 ม.ค. เป็นต้นไป

11.มาตรการเราชนะ จ่ายเงินเยียวยารายละ 3,500 บาท/เดือน เป็นเวลา 2 เดือน สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระ แรงงานนอกระบบ และเกษตรกร

12.ขยายระยะเวลาการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ครม.มีมติขยายระยะเวลาการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจากปีที่ผ่านมา โดยจะลดภาษีลง 90% และลดค่าธรรมเนียมการโอนอสังหาริมทรัพย์เหลือ 0.01%

13.โครงการเยียวยาเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นม อนุมัติวงเงิน 1,447 ล้านบาท สำหรับจัดซื้อนมจากเกษตรกรให้เป็นนมโรงเรียนชนิดยูเอชที ซึ่งงบประมาณนี้จะจัดสรรให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อนมโรงเรียนโดยตรง ได้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 1,098 ล้านบาท และกระทรวงศึกษาธิการ 326 ล้านบาท

 

มาตรการช่วยเหลือผู้ใช้แรงงาน

1.ขยายเวลาลดหย่อนส่งเงินสมทบประกันสังคม ทั้งลูกจ้างและนายจ้าง เหลือ 3% ระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ ม.ค.-มี.ค. 64

2.การชดเชยกรณีว่างงานโดยกองทุนประกันสังคม กรณีว่างงานจากการถูกเลิกจ้าง ได้เงินชดเชย 70% ของค่าจ้าง ปีละไม่เกิน 200 วัน กรณีว่างงานจากการลาออก ได้เงินชดเชย 45% ของค่าจ้าง ปีละไม่เกิน 90 วัน

3.มาตรการส่งเสริมการจ้างงานและรักษาระดับการจ้างงาน ครม.มอบหมายให้กระทรวงแรงงานติดตามและเร่งรัดดำเนินโครงการส่งเสริมการจ้างงานใหม่สำหรับผู้จบการศึกษาใหม่โดยภาครัฐและเอกชน รวมทั้งพิจารณาปรับปรุงเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และผลกระทบที่เกิดขึ้น