อนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีน เผยเงื่อนไขกลุ่มรับวัคซีนตามความสมัครใจ งดเว้นกลุ่มหญิงท้อง และเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ส่วนกลุ่มบุคลากรการแพทย์ได้ก่อนตามเดิม
เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (15 ม.ค. 2564) ในการประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีน ป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ครั้งที่ 1/2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข นำโดย นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค มีมติเห็นชอบแผนงานการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในประเทศไทย โดยได้พิจารณาครอบคลุมทั้งด้านวิชาการ ด้านนโยบาย และด้านการบริหารจัดการ พร้อมทั้งคณะทำงานที่เกี่ยวข้อง
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- ตรวจหวย ใบตรวจหวย ผลรางวัล สลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 เมษายน 2567
- อย.เปิดชื่ออาหารเสริม พบสารอันตราย ร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิต เตรียมดำเนินการตามกฎหมาย
นพ.โสภณ กล่าวว่า สำหรับแผนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทย แบ่งเป็น 3 ระยะดังนี้
1.ระยะที่วัคซีนมีจำกัด เดือนกุมภาพันธ์ – เมษายน 2564 ในกลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับอันดับแรก ได้แก่ 1.บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าทั้งภาครัฐและเอกชน 2.ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง หัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง มะเร็ง เบาหวาน 3.ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และ 4.เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด 19 เช่น อสม. ทหาร ตำรวจ เป็นต้น ที่คัดกรองผู้ที่เข้ามาจากต่างประเทศและในพื้นที่ที่มีการระบาด
ทั้งนี้การฉีดวัคซีน ต้องเป็นไปตามความสมัครใจ โดยยกเว้นการฉีดให้กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เนื่องจากยังไม่มีผลการวิจัยรองรับ
2.ระยะที่วัคซีนมีมากขึ้น เดือนพฤษภาคม – ธันวาคม 2564 กลุ่มเป้าหมาย ยังคงเป็นกลุ่มเป้าหมายระยะที่ 1 แต่จะขยายพื้นที่ครอบคลุมทั้งประเทศ รวมถึงพิจารณากลุ่มเป้าหมายอื่น ๆ เพื่อให้เศรษฐกิจประเทศขับเคลื่อนได้ตามปกติ
3.ระยะปริมาณวัคซีนมีเพียงพอ ตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 เป็นต้นไป มุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายอื่น ๆ ต่อไป เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในชุมชน
ทั้งนี้ การฉีดวัคซีน ขึ้นอยู่กับความสมัครใจ โดยยกเว้นการฉีดให้กลุ่มสตรีตั้งครรภ์และเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เนื่องจากยังไม่มีผลการวิจัยรองรับ
“วัคซีนเป็นเครื่องมือหนึ่งในการป้องกันโรค อย่างไรก็ตาม วัคซีนที่สำคัญที่เรามีวันนี้ก็คือ การใส่หน้ากากอนามัย การล้างมือ เว้นระยะห่าง ถึงแม้ว่าจะฉีดวัคซีนแล้วก็ยังคงใส่หน้ากาก 100% วัคซีนเป็นเครื่องมือหนึ่งจะช่วยเสริมทำให้ระบบป้องกันควบคุมโรคดีขึ้น” อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าว