อนุทิน เผยจะกระจายวัคซีนให้โรงพยาบาลเป้าหมายปลายเดือน ก.พ.

กระทรวงสาธารณสุขพร้อมจัดส่งวัคซีนโควิด-19 ลอตแรกไปยังโรงพยาบาลเพื่อฉีดให้กลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด, พื้นที่ควบคุมสูงสุด, พื้นที่ควบคุม และพื้นที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม เมื่อกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจสอบคุณภาพแล้ว คาดว่าจะเริ่มส่งวัคซีนได้ปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2564

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ที่คลังสำรองวัคซีนโควิด-19 องค์การเภสัชกรรม (คลังศรีเพชร DKSH) บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด ถนนบางนา-ตราด กม. 19 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข Mr.Yang Xin อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข

นายแพทย์โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุขและประธานองค์การเภสัชกรรม พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ติดตามการลำเลียงวัคซีนโควิด-19 ลอตแรกของบริษัทซิโนแวคจำนวน 2 แสนโดสเข้าสู่คลังและระบบการจัดเก็บวัคซีนภายในห้องควบคุมอุณหภูมิมาตรฐาน โดยวัคซีนลอตนี้บรรจุในหลอดวัคซีน ใน 1 กล่องเล็ก มีวัคซีน 40 หลอด

นายอนุทินกล่าวว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้รับความร่วมมือจากบริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด ในการจัดเก็บ บรรจุ ภายในห้องจัดเก็บยาเย็น (Cold Chain) และกระจายภายใต้มาตรฐานสากล และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะเข้าไปตรวจสอบคุณภาพ ตามมาตรฐาน คาดว่าปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้จะจัดส่งไปยังโรงพยาบาลตามแผนการฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมาย ประชาชน และบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข อสม. ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด, พื้นที่ควบคุมสูงสุด, พื้นที่ควบคุม และพื้นที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม รวม 18 จังหวัด โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

ระบบการเก็บและการจัดส่งวัคซีนจะควบคุมอุณหภูมิไว้ที่ 2-8 องศาเซลเซียส เพื่อคงคุณภาพของวัคซีน โดยวัคซีนโควิด-19 ของซิโนแวคได้ผ่านการตรวจสอบคุณภาพ ความปลอดภัย และประสิทธิผลของวัคซีน และขึ้นทะเบียนวัคซีนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้วเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564

นอกจากนี้ จะได้รับวัคซีนจากบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าอีก 61 ล้านโดส ฉีดให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายระยะที่ 2 ในเดือนมิถุนายน–ธันวาคม 2564 คาดว่าจะสามารถเปิดประเทศในปลายปี 2564 เป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของประเทศ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และปกป้องสุขภาพประชาชนได้

ด้านนายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้เตรียมระบบการจัดบริการฉีดวัคซีน ซึ่งถือว่าเป็นงานใหญ่ของกระทรวงสาธารณสุข โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ เพื่อลดอัตราป่วยและเสียชีวิต ประชาชนกลุ่มเสี่ยง ผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง และเพื่อปกป้องระบบสุขภาพของประเทศ ฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าทั้งภาครัฐและเอกชน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวกับการควบคุมโรคโควิด-19 และมีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย รวมทั้งเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ จะฉีดให้ประชาชนทั่วไปและแรงงานในภาคธุรกิจบริการ ท่องเที่ยว อุตสาหกรรม

การฉีดในระยะแรกเมื่อวัคซีนมีปริมาณจำกัด เพื่อลดการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 มีแผนการฉีดในเดือนมีนาคม-พฤษภาคม จำนวน 2 ล้านโดส ฉีดให้กลุ่มเป้าหมายใน 18 จังหวัด ได้แก่ จ.สมุทรสาคร, กรุงเทพมหานคร (ฝั่งตะวันตก), ปทุมธานี, นนทบุรี, สมุทรปราการ, จ.ตาก (อ.แม่สอด), นครปฐม, สมุทรสงคราม, ราชบุรี, ชลบุรี, ภูเก็ต, สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย), เชียงใหม่, กระบี่, ระยอง, จันทบุรี, ตราด, และเพชรบุรี

สำหรับระยะที่ 2 เดือนมิถุนายน-ธันวาคม 2564 จะฉีดวัคซีนของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าอีก 61 ล้านโดส ให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมาย 10 ล้านโดสต่อเดือน นอกจากนี้ ได้ให้กรมควบคุมโรค เร่งดำเนินการเรื่องวัคซีนพาสปอร์ต ในการยืนยันตัวตัวตนหลังได้รับวัคซีนครบแล้ว เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนสำหรับใช้ในการเดินทางไปต่างประเทศหรือในประเทศ ให้เป็นระบบดิจิทัลมากที่สุด รวมถึงให้เกิดการใช้งานเกี่ยวกับวัคซีนอื่น ๆ ด้วยเพื่อให้เกิดความครอบคลุมการใช้งาน และรองรับโรคอุบัติใหม่ที่อาจเกิดขึ้น

ด้านนายจอห์น แคลร์ รองประธานฝ่ายบริหารหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ประเทศไทยและอินโดจีน (เมียนมา กัมพูชา ลาว) บริษัท ดีเคเอสเอช กล่าวว่า บริษัทดีเคเอสเอช หรือที่เคยเป็นที่รู้จักในนาม “ดีทแฮล์ม” มีความเชี่ยวชาญเฉพาะในด้านการจัดเก็บ จัดบรรจุ และการขนส่งผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ได้คุณภาพ โดย ดีเคเอสเอช รักษามาตรฐานสูงสุดตลอดการขนส่ง และมีประสบการณ์ด้านการกระจายวัคซีนให้แก่คนไทยอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ความร่วมมือกับองค์การเภสัชกรรมในหลาย ๆ โครงการมากว่า 10 ปี

ดีเคเอสเอชพร้อมที่จะสนับสนุนการกระจายวัคซีนป้องกันโควิด-19 จำนวน 2 ล้านโดสนี้ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย โดยวัคซีนจะขนส่งในบรรจุภัณฑ์พิเศษ Brilliant Box ที่ใช้เทคโนโลยีพิเศษในการควบคุมอุณหภูมิของสินค้าในกล่อง เหมาะอย่างยิ่งกับการบรรจุและขนส่งยาเย็น เช่น วัคซีนโควิด-19 ที่ต้องควบคุมอุณหภูมิไว้ไม่เกิน 2 – 8 องศาเซลเซียสตลอดการขนส่งเพื่อรักษาคุณภาพ และบรรจุภัณฑ์ Brilliant Box ยังมีน้ำหนักเบา ทนทาน สามารถนำมาใช้ซ้ำได้เพื่อช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ รถขนส่งปรับอากาศของบริษัทฯ ยังมีระบบเก็บความเย็นเพื่อควบคุมอุณหภูมิในรถที่เหมาะกับการขนส่งยาเย็นโดยเฉพาะ และมีการติดตั้ง Data Logger ที่สามารถตรวจวัดอุณหภูมิภายในรถได้ตลอดการขนส่ง เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานวิธีการที่ดีในการกระจายยา และมาตรฐานสูงสุดด้านการกำกับดูแลและการประกันคุณภาพ