ศบค.ยังไม่เคาะ 10 ประเทศเข้าไทย-สั่งตั้ง ศปก.ส่วนหน้า แก้โควิดภาคใต้

นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน

โฆษก ศบค. เผยนายกฯแนะสั่งตั้ง ศปก.ศบค.ส่วนหน้า แก้ปัญหาโควิดภาคใต้ และพื้นที่อื่นที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มเยอะ ระบุที่ประชุมยังไม่เคาะรายชื่อ 10 ประเทศที่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไทยแบบไม่กักตัว สั่งให้ไปทำแผน-กลยุทธ์ใหม่ คลายล็อกตู้เกม ร้านเกม เครื่องเล่น แต่ยังห้ามเปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ 

วันที่ 14 ตุลาคม 2564 นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19(ศบค.) กล่าวระหว่างแถลงสถานการณ์ประจำว่า ที่ประชุมวันนี้ท่านนายกรัฐมนตรี ในฐานะผอศบค.แจ้งว่าในส่วนของการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้เกี่ยวกับสถานการณ์โควิดนั้น จะต้องมีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือศปก.ศบค.ส่วนหน้า คอยบัญชาการและนำไปสู่การแก้ปัญหาในพื้นที่ทั้ง 3 จังหวัดชายแดนใต้ หรือในจังหวัดภาคใต้

นอกจากนี้ยังรวมถึงในพื้นที่ต่างจังหวัดอื่นๆที่มีผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้น เพื่อให้เกิดผลในการควบคุมโรค เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับภาพทั้งประเทศ และที่สำคัญที่สุดคือการกระจายวัคซีนที่จะเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จ เหมือนกับกทม.ที่ลดลงก็มาจากวัคซีน

ยังไม่เคาะเปิดรับนักท่องเที่ยว 10 ประเทศ

ส่วนเรื่องความคืบหน้าสำหรับแผนรองรับการเปิดประเทศที่นายกรัฐมนตรีได้ออกแถลงการณ์ไปก่อนหน้านี้นั้น นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวที่ประชุมมีการพูดคุยกัน โดยจะต้องมีการยกเลิกประเทศความเสี่ยงต่ำ ได้แก่ อังกฤษ สหรัฐ เยอรมนี สิงคโปร์ และจีน ออกไปก่อน โดยจะมีการปรับข้อมูลใหม่

พร้อมมอบหมายให้คณะกรรมการด้านวิชาการตามพ.ร.บ.โรคติดต่อฯ ศปก.ศบค. สาธาณสุข(สธ.)ไปจัดทำเกณฑ์การเข้ามาในราชอาณาจักร และมาตรการออกมาใหม่ เช่นเรื่องมาตรการส่วนบุคคล เรื่องของวัคซีน การตรวจโควิด การกักกัน การเฝ้าระวังต่างๆ รวมถึงพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว หรือพื้นที่สีฟ้า ที่มีการแจ้งไปก่อนหน้านี้ ซึ่งจะมีจังหวัดเพิ่มขึ้น ตั้งแต่ 1-31 ต.ค. 1-31 พ.ย. และ 1-31 ธ.ค.2564

“โดยหลักการช่วง 1-31 พ.ย. จะมีจังหวัดนำร่องท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมาเป็น 17 จังหวัด เช่น กทม. สมุทรปราการ เฉพาะสนามบินสุวรรณภูมิ กระบี่ พังงา ประจวบคีรีขันธ์ ที่หัวหิน เพชรบุรี ที่ชะอำ เลือกที่เป็นเมืองท่องเที่ยวออกมาก่อน ซึ่งจะมีการนำเรื่องเข้าที่ประชุมของศปก.ศบค.ก่อน จะได้มาเรียนอีกครั้งหนึ่ง” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าว และว่า จากนั้นในเดือนธันวาคมก็จะเพิ่มจังหวัดท่องเที่ยวอีก 16 จังหวัด รวมเป็น 33 จังหวัด

สั่งทำแผน-กลยุทธ์ เปิดประเทศแบบไม่กักตัว

ส่วนแผนรองรับการเปิดประเทศแบบไม่กักตัวและไม่กำหนดพื้นที่ จะมีการจัดทำแแผนและกลยุทธ์ต่างๆออกมา เช่นจะต้องเปิดประเทศอย่างปลอดภัย ปรับมาตรการผู้ที่เข้ามาในราชอาณาจักร ลดวันกักตัว ตรวจหาเชื้อ ลดค่าประกัน การเฝ้าระวัง การลักลอบหลบหนีเข้าประเทศ การจัดระบบแรงานต่างด้าว การเตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุข การพัฒนาระบบฐานข้อมูล เป็นต้น

นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าวว่า ตอนนี้ยังเป็นแผนอยู่ ทั้งหมดเสนอในที่ประชุมเช้านี้ โดยให้ไปจัดทำแผนในช่วง 2 ดือนที่เหลือนี้ ให้ศปก.ศบค.อนุมัติแผนนนี้และถ่ายทอดแผนไปยังทุกหนวยงาน และจัดทำแผนขึ้นมา เพื่อดำเนินการตามแผนต่อไป และให้วันที่ 1-30 พ.ย.นี้ ถือเป็นระยะที่ 1 ในการดำเนินงานตามแผน ระยะที่สองมีการดำเนินการต่อเนื่องและประเมิน และระยะที่สามตั้งแต่ 1 มกราคม 2565 ทำตามแผนให้สำเร็จ

“ตอนนี้ให้ที่ประชุมศปก.ศบค. ไปพิจารณาแนวทางการเข้าราชอาณาจักรแบบไม่กักตัว ไม่จำกัดพื้นที่โดยมีแนวทางตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอ โดยสรุปวันนี้ยังไม่บอกประเทศเพิ่มเติม ซึ่งจะมีการประชุมศปก.ศบค.ในครั้งหน้าอีกครั้งในการประชุมนัดถัดไป” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงก่อนที่โฆษกศบค.จะแถลง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวถึงประเด็นเปิดประเทศว่า ประเด็นสำคัญที่อยากประกาศในวันนี้ คือเรื่องที่ตนได้แถลงการณ์เรื่องเตรียมการเปิดประเทศในเดือน พ.ย.นี้เป็นต้นไป และมาตรการผ่อนคลายในเดือน ธ.ค.นี้เป็นต้นไป มีหลายเรื่องที่นำเสนอเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุม ศบค. สำหรับรายชื่อประเทศที่จะเข้ามาในไทยโดยไม่ต้องกักตัวนั้น จะต้องมีการกำหนดมาตรการและเป็นไปตามมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ซึ่งยังอยู่ระหว่างการหารือร่วมกัน และจะต้องขึ้นอยู่กับประเทศต้นทางด้วย

ลดพื้นที่สีแดงเข้ม-คลายล็อกกิจการเพิ่ม

ส่วนการปรับพื้นที่สีสถานการณ์และการปรับมาตรการเรื่องการควบคุมโรค สรุปที่ประชุมมีการปรับพื้นที่ใหม่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดพรือพื้นที่สีแดงเข้มจาก 29 จังหวัด เหลือ 23 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุดสีแดง จาก 37 จังหวัดเหลือ 30 จังหวัด และพื้นที่ควบคุมจาก 11 จังหวัดเพิ่มเป็น 24 จังหวัด โดยจะมีผลในวันที่ 16 ตุลาคม 2564 นี้ (ตามตาราง)

สำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด อันแรกคือห้ามออกนอกเคหสถานจากเดิม 4 ทุ่มถึงตี 4 ก็ปรับเป็น 5 ทุ่มถึง ตี 3 เพราะมีกลุ่มที่เป็นตลาดเช้าที่ต้องทำมาค้าขาย เพื่อให้ผู้ทำามาหากินได้กลับมาสู่วิถีชีวิตเดิม ร้านสะดวกซื้อ ตลาดนัด ตลาดสด เปิดได้ถึง 22.00 น. หรือ 4 ทุ่ม จากเดิม 3 ทุ่ม

ส่วนกิจการอื่นๆ เช่นโรงภาพยนตร์ ร้านอาหาร โรงละคร สนามกีฬา ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า เปิดดำเนินการตามเวลาปกติ แต่ไม่เกิน 4 ทุ่ม แต่ยังเน้นมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด ขนส่งสาธารณะสามารถปรับเพิ่มความจุของจำนวนยานพาหนะได้

ส่วนศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม การจัดงานเลี้ยง เปิดได้ แต่จำกัดจำนวนคนไม่เกิน 500 คน แต่ต้องขออนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหรือกทม.กรณีเกิน 50 คน

สำหรับตู้เกม ร้านเกม เครื่องเล่น ที่เล่นเป็นรายบุคคลหรือเป็นคู่ เปิดได้ แต่ต้องสวมหน้ากากตลอดเวลา ยกเว้นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดยังไม่เปิดบริการ

สรุปมาตรการใหม่เป็นดังนี้

  • ปรับเวลาห้ามออกนอกเคหสถาน เป็น 23.00 น. – 03.00 น. อย่างน้อย 15 วัน
  • ปรับเวลาเปิดกิจการ/กิจกรรมต่าง ๆ ตามกำหนด จาก 21.00 น. เป็น 22.00 น.
  • จัดการประชุม และจัดงานตามประเพณีนิยมได้ ในศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม หรือ สถานที่จัด นิทรรศการ รวมถึงสถานที่ลักษณะเดียวกันในห้างสรรพสินค้า และโรงแรมได้
  • สถานดูแลผู้สูงอายุให้เปิดดำเนินการแบบรับไป – กลับ ได้
  • ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า คอมมิวนิตี้มอลล์ ให้เปิด ตู้เกม เครื่องเล่น ร้านเกม ที่เล่นรายบุคคล หรือแข่งเป็นคู่ได้ (ยกเว้นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ยังไม่เปิดบริการ)
  • การจัดกิจกรรมรวมกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค ปรับเป็น 50, 100, 200, 300, 500 คน

ยังห้ามเปิดสถานบันเทิง สวนสนุก สวนน้ำ

นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าวว่า ส่วนสวนสนุก สวนน้ำยังไม่เปิดบริการในทุกพื้นที่ เช่นเดียวกับสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ยังไม่เปิดดำเนินการ แต่เร่งรัดให้กระทรวงมหาดไทย กทท. สาธารณสุข ไปเร่งรัดกำหนดมาตรการเตรียมการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2564 เพื่อที่จะเปิดดำเนินการต่อไป (ดูตาราง)

ทั้งนี้ทุกระดับของพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร ต้องมีมาตรการ Universal Prevention – Covid free Setting และให้ศปก.ศบค. กระทรวงมหาดไทย กทม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้กิจกการกิจกรรมดำเนินต่อไปได้

“ถ้าที่ใดแห่งใดดำเนินการแล้ว ไม่เป็นผลดีก็จะถูกสั่งปิดได้ นี่คือสิ่งที่ต้องเข้าใจกันตรงนี้ด้วย” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าว และว่า ที่ประชุมยังได้เห็นชอบจัดงบประมาณ จัดซื้อยาต้านโควิด โมลนูพิราเวียร์ 500 ล้านบาท

ขีดเส้น ต.ค.ฉีดวัคซีนให้ได้ร้อยละ 50

ส่วนแผนการจัดหาวัคซีน ที่ประชุมรับทราบแผนการจัดหาวัคซีนจนถึงสิ้นปี 2564 นี้ จำนวน 127 ล้านโดสตามเดิม ส่วนเป้าหมายการฉีดวัคซีนทั้งคนไทยและคนต่างชาติภายในเดือนตุลาคมนี้จะต้องให้ครอบคลุมประชาชนร้อยละ 50 และอย่างน้อยร้อยละ 70 สำหรับพื้นที่ที่จะเปิดเป็น Covid free area เช่นจังหวัดเลยที่จะเปิดที่เชียงคาน เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา เป็นต้น

ส่วนกลุ่มผู้สูงอายุ 7 โรคเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์ จะต้องฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมร้อยละ 80 ให้ได้

ทั้งนี้จะมีการเพิ่มจำนวนวัคซีนเข้่ไปในจังหวัดนำร่องอีก 15 จังหวัด ได้แก่ กทม. สมุทรปราการ กระบี่ พังงา ประจวบคีรีขันธ์ เพชระบุรี ชลบุรี ระนอง เชียงใหม่ เลย บุรีรัมย์ หนองคาย อุดรธานี ระยอง และตราด ซึ่งจะมีการเร่งฉีดให้ได้จำนวนเพิ่มขึ้นมาระหว่าง 1-31 พ.ย.นี้ หลังจากนั้นในเดือนธันวาคมจะมีจังหวัดเพิ่มขึ้นอีก