อาลัย “สมเด็จช่วง” มรณภาพ สิริอายุ 96 ปี

สมเด็จช่วง

สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ มรณภาพอย่างสงบ ด้วยโรคชรา สิริอายุ 96 ปี 

วันที่ 9 ธันวาคม 2564 รายงานข่าวแจ้งว่า สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) สมเด็จพระราชาคณะฝ่ายมหานิกาย เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ (พระอารามหลวง) ประธานสมัชชามหาคณิสสร และอดีตผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ได้มรณภาพด้วยอาการสงบ สิริอายุ 96 ปี พรรษา 76 ทั้งนี้หลังจากอาพาธ มาเป็นระยะเวลาหลายปี

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ มรณภาพด้วยโรคชราเมื่อรุ่งอรุณของวันที่ 9 ธันวาคม 2564 อย่างสงบ โดยอาพาธและเข้าออกโรงพยาบาลเพื่อฟอกไตมาเป็นระยะเวลา 5 ปี ก่อนที่ตลอดปีที่ผ่านมาจะรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นส่วนใหญ่ ก่อนมรณภาพไม่มีโรคประจำตัวอย่างโรคเบาหวาน หรือความดัน ท่านมรณภาพด้วยอาการสงบเหมือนหลับไป โดยไม่มีสายระโยงระยางเหมือนโยมแม่ที่เสียชีวิตอย่างสงบเหมือนหลับไปเช่นกัน โดยโยมแม่เสียชีวิตในวัย 101 ปี

สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เป็นหนึ่งในบรรดาสมเด็จพระราชาคณะ รัตตัญญู ทรงคุณธรรม แตกฉานในพระไตรปิฎก เป็นเสาหลักแห่งคณะสงฆ์ไทย เคยดำรงตำแหน่งสูงสุด คือ ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช

สำหรับประวัติ เกิดเมื่อวันพุธที่ 26 สิงหาคม 2468 ที่จังหวัดสมุทรปราการ โยมบิดาและโยมมารดาชื่อนายมิ่งและนางสำเภา สุดประเสริฐ บรรพชาเมื่ออายุได้ 14 ปี วันที่ 1 พฤษภาคม 2482 ณ วัดสังฆราชา เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร โดยมีพระครูศีลาภิรัต (ทอง) วัดลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร เป็นอุปัชฌาย์

อุปสมบทเมื่อที่ 11 พฤษภาคม 2488 ณ พัทธสีมาวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร พระครูบริหารบรมธาตุ (ป่วน เกสโร) วัดนางชี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่พระครูสมณธรรมสมาทาน เป็นกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายานามว่า “วรปุญฺโญ”

เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ เมื่อปี 2499 และเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ เมื่อปี 2508 สร้างสำนักเรียนวัดปากน้ำให้มีชื่อเสียงด้วยเป็นสำนักเรียนที่สอบเปรียญธรรม 9 ประโยค ได้มากเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ จนได้รับความไว้วางใจให้เป็นสนามสอบบาลีชั้นประโยค ป.ธ.5 ในภูมิภาค

เจ้าประคุณสมเด็จช่วง มีความแตกฉานทางภาษาบาลี สามารถสนทนาภาษาบาลีได้ และได้รับแต่งตั้งให้เป็นแม่กองบาลีสนามหลวง เมื่อปี 2539 ถือเป็นตำแหน่งสำคัญยิ่งของการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลีของพระภิกษุสงฆ์

ท่านยังได้มอบปัจจัยให้สร้างพระไตรปิฎกจารึกในแผ่นหินอ่อน เจดีย์ วิหาร เพื่อธำรงรักษาพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืน รวมถึงหอประชุมสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ซึ่งเป็นที่ประชุมกรรมการ มส.ทุกวันนี้

เจ้าประคุณสมเด็จช่วง ได้รับการถวายสมณศักดิ์จากหลายประเทศ อาทิ

พ.ศ. 2520 ได้รับสมณศักดิ์จากบังกลาเทศ ที่พระศาสนธชมหาปัญญาสาระ

พ.ศ. 2524 ได้รับสมณศักดิ์จากศรีลังกา ฝ่ายอมรปุรนิกาย ที่ พระชินวรศาสนโสภณเตปิฏกวิสารทคณปาโมกขาจริยะ

พ.ศ. 2525 ได้รับสมณศักดิ์จากศรีลังกา สยามวงศ์ ฝ่ายอัสสคิริยะ ที่ พระศาสนโชติกสัทธัมมวิรทวิมลกิตติสิริ และได้รับสมณศักดิ์จากศรีลังกาสยามวงศ์ ฝ่ายมัลลวัตตะ ที่ พระธรรมกิตติสิริเตปิฏกวิสารโท

พ.ศ. 2526 ได้รับสมณศักดิ์จากศรีลังกา ฝ่ายรามัญวงศ์ ที่ พระติปิฏกบัณฑิตธัมมกิตติสสิริยติสังฆปติ

พ.ศ. 2526 ได้รับสมณศักดิ์จากศรีลังกา สยามวงศ์ ฝ่ายโกฏเฏ ที่ พระอุบาลีวังสาลังการะอุปัชฌายธรรมธีรราชมหามุนีเถระ

พ.ศ. 2558 รัฐบาลเมียนมา ถวาย “อัคคมหาบัณฑิต” ในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช

พ.ศ. 2560 สมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาตั้ง เป็นประธานอำนวยการโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา หรือหมู่บ้านรักษาศีล 5


ส่วนสมณศักดิ์นั้น เริ่มจากพระราชาคณะชั้นสามัญ ที่ พระศรีวิสุทธิโมลี วันที่ 5 ธ.ค. 2499 และได้รับการสถาปนาให้เป็นสมเด็จพระราชาคณะ เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2538 ในราชทินนามว่า “สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ไพศาลหิตานุหิตวิธาน ปฏิภาณสุธรรมภาณีศรีสังฆโสภณ วิมลศีลาจารนิวิฐ ตรีปิฏกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆารามคามวาสี อรัญวาสี”