ศบค.เบรกตรวจ ATK ต่างชาติเข้าไทย “ประยุทธ์” สั่งวางแผนฉีดเข็ม 4

นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน

ศบค.เบรกตรวจโควิดแบบ ATK ต่างชาติเข้าไทย คงมาตรการตรวจแบบ RT-PCR เหมือนเดิม หวั่นมีสายพันธุ์ระบาดใหม่และให้เข้ากับมาตรฐานสากล กางแผนจัดหาวัคซีนปี 2565 อีก 120 ล้านโดส   ประยุทธ์สั่ง สธ. วางแผนฉีดวัคเข็ม 4 ไว้ได้เลย เผยเปิดประเทศ 42 วัน ต่างชาติเข้าไทย 2.2 แสนราย ติดโควิด 323 คน 

วันที่ 13 ธันวาคม 2564 นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์ดควิด-19 (ศบค.) แถลงสถานการณ์ประจำวันว่า สถานการณ์การติดเชื้อ COVID-19 ในประเทศ ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 พบผู้ป่วยรายใหม่ 3,398 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,143,181 ราย หายป่วยแล้ว 2,073,900 ราย และเสียชีวิตสะสม 21,100 ราย

ส่วนข้อมูลสะสมตั้งแต่ปี 2563 มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,172,044 ราย หายป่วยแล้ว 2,101,326 ราย เสียชีวิตสะสม 21,194 ราย

ส่วนผู้มาขอรับวัคซีน ณ วันที่ 12 ธันวาคม 2564 มีผู้รับการฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 จำนวน 21,685 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 35,659 ราย และเข็มที่ 3 จำนวน 24,023 ราย และระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 12 ธันวาคม 2564 มีผู้รับวัคซีน สะสมทั้งหมด จำนวน 97,403,117 โดส

  • จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 49,923,276 ราย
  • จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 43,333,522 ราย
  • จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 4,146,319 ราย

สำหรับ 10 จังหวัดที่ติดเชื้อสูงสุด อันดับ 1. กรุงเทพมหานคร 604 ราย นครศรีธรรมราช 200 ราย สงขลา 150 ราย สมุทรปราการ 137 ราย ชลบุรี 129 ราย สุราษฎร์ธานี 118 ราย ประจวบคีรีขันธ์ 105 ราย ที่เหลือต่ำกว่า 100 ราย ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา 94 ราย เชียงใหม่ 85 ราย ปัตตานีและตรังจังหวัดละ 72 ราย

ส่วนผู้เสียชีวิต 23 ราย อยู่ใน กทม. 2 ราย ปทุมธานี 1 ราย กาฬสินธุ์ นครราชสีมา อุบลราชธานี จังหวัดละ 1 ราย ที่เหลือกระจายจังหวัดละ 1-2 ราย โดยกลุ่มจังหวัดภาคใต้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดคือ 8 ราย

อัตราเสียชีวิตลดเหลือ 0.98%

“อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 0.98% ท่านนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศบค.ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ช่วยกันทำให้สถานการณ์ในเรื่องของการติดเชื้อตอนนี้ดูแนวโน้มลดลงเรื่อย ๆ เมื่อเทียบกับอีกหลาย ๆ ประเทศที่ตอนนี้มีการติดเชื้อมากขึ้น ซึ่งก็ต้องกราบขอบพระคุณอย่างสูง” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าว

นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าวว่า ล่าสุดอัตราการติดเชื้อรายใหม่ยังต่ำกว่าเส้นฉากทัศน์ที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นความร่วมมือของประชาชนทุกคนที่ทำให้มาถึงวันนี้ได้ ซึ่งเราจะผ่านเทศกาลปีใหม่ปีนี้ หลังจากที่ไม่ได้จัดมา 2 ปี ซึ่งทางนายกฯก็บอกว่าจะต้องพยายามช่วยกันเพื่อทำให้เราได้มีเทศกาลดี ๆ อย่างนี้เกิดขึ้นในประเทศไทย เช่นเดียวกับอัตราการเสียชีวิตก็จะเห็นแนวโน้มยังต่ำกว่าเส้นที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ ซึ่งก็อยากให้คงไว้ (ตามกราฟ)

อัตราความรุนแรงผู้ป่วยหนักลดลง

นอกจากนี้เมื่อดูในเรื่องของความรุนแรง ทางกระทรวงสาธารณสุขก็ได้นำเสนอชุดข้อมูล อัตราผู้ป่วยอาการรุนแรงต่อผู้ติดเชื้อ ตรงนี้สำคัญเพราะจะทำให้อัตราการใช้เตียงของโรงพยาบาลลดลง ซึ่งจากตารางจะเห็นว่า เดือนสิงหาคมอยู่ที่ 2.79% เดือนกันยายนอยู่ที่ 1.86% ตุลาคม 1.61% และพฤศจิกายน 1.52% เช่นเดียวกับอัตราการเสียชีวิตก็ลดลงจากเดือนสิงหาคมอยู่ที่ 0.99% กันยายน 0.72% ตุลาคม 0.57% และพฤศจิกายน 0.37%

นอกจากนี้ ความครอบคลุมของผู้ได้รับวัคซีนกลุ่ม 607 ก็เพิ่มขึ้น โดยเดือนสิงหาคมอยู่ที่ 44.5% กันยายน 60.4% ตุลาคม 65.7% และพฤศจิกายนอยู่ที่ 71.9%

“ตรงนี้เป็นปัจจัยที่จะทำให้ที่ประชุม ศบค.ได้มีมติในการที่จะเปิดหรือขยายกิจการ กิจกรรม ในช่วงปีใหม่ด้วย” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าว

ปรับพื้นที่สีเหลือ 2 สี เพิ่มจังหวัดนำร่องท่องเที่ยว

ส่วนการปรับระดับพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรจะเหลือเพียงแค่ 2 สีเท่านั้น คือสีส้ม (39 จังหวัด) และสีเหลือง (30 จังหวัด) คือพื้นที่ควบคุมและพื้นที่เฝ้าระวังสูงรวม 69 จังหวัด และเพิ่มพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวพื้นที่สีฟ้าเป็น 8 จังหวัด โดยมีจังหวัดชลบุรีเพิ่มขึ้นมาเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวทั้งจังหวัด ซึ่งพื้นที่สีส้มและสีเหลืองจะมีการผ่อนคลายกิจการ กิจกรรมตามมาด้วย

สำหรับวันที่ 1 มกราคม 2565 จังหวัดนำร่องท่องเที่ยวจะมีเพิ่มขึ้นมาอีก 5 จังหวัดรวมเป็น 31 จังหวัด โดยจังหวัดที่เพิ่มขึ้นมาได้แก่ตราด สระแก้ว มุกดาหาร บึงกาฬ นครพนม และบางอำเภอของอุบลราชธานี ทั้งนี้ขอให้ประชาชนทุกท่านได้ร่วมด้วยช่วยกันทำให้จังหวัดของท่านเป็นพื้นที่สีฟ้า และต้องเป็นความร่วมมือกันทั้งจังหวัด (ตามตาราง)

เปิดประเทศ 42 วัน ต่างชาติติดโควิด 323 คน

ส่วนมาตรการเรื่องการปรับมาตรการสำหรับผู้ที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ตั้งแต่เปิดประเทศ 1-30 พฤศจิกายน 2564 มีผู้เดินทางเข้ามา 133,061 ราย ติดเชื้อโควิด 171 รายคิดเป็นอัตราการติดเชื้อ 0.13% เมื่อมาบวกกับเดือนธันวาคม 1-12 ธันวาคม 2564 มีผู้เดินทางเข้ามา 87,383 ราย พบผู้ติดเชื้อโควิด 152 คน คิดเป็นอัตราการติดเชื้อ 0.17%

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อรวมตัวเลขเปิดประเทศ 42 วัน (1 พ.ย.-12 ธ.ค. 2564)  พบต่างชาติเดินทางเข้าไทย 220,444 ราย ติดเชื้อโควิดรวม 323 คน

“อัตราการติดเชื้อ 0.17% ยังต่ำอยู่ ยังไม่ถึง 1 % นี่คือสิ่งที่ทำให้คณะกรรมการมีความมั่นใจว่าเราจะต้องพัฒนารูปแบบเหล่านี้ เท่ากับว่ามาตรการที่ออกไป ไมว่าจะเป็น Test and Go แซนด์บอกซ์เป็นที่มั่นใจของผู้ที่เข้ามาท่องเที่ยวในไทย โดยเฉพาะชาวต่างชาติ จึงได้นำเสนอชุดข้อมูลโดยกรมควบคุมโรคว่าจะขอมติที่ประชุม 2 เรื่องใหญ่ คือ 1.การปรับมาตรการการเข้ามาในราชอาณาจักร โดยเรื่องการพำนักและการกักตัวในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวและการกักตัว ขอคงไว้เป็น 7 วัน ตามเดิม

คงมาตรการตรวจต่างชาติเข้าไทยแบบ RT-PCR ไม่ใช้ ATK

นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า ในส่วนของการตรวจหาเชื้อโควิดจากเดิมที่จะปรับเป็น ATK สำหรับ Test and Go ในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว ขอปรับเป็นการตรวจแบบ RT-PCR ครั้งที่ 1 ตามเดิม และยังคงตรวจ ATK ด้วยตนเองครั้งที่ 2 ทั้งนี้ เนื่องจากมีการพบการระบาดของสายพันธุ์โอไมครอน และสถานการณ์บางประเทศที่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น รวมทั้งเพื่อเป็นการอ้างอิงกับต่างประเทศ เช่นในกลุ่มประเทศยุโรปก็ใช้วิธีนี้เหมือนเดิม เพราะต้องคุมเข้มเช่นเดียวกับไทยเรา

ส่วนการปรับกลุ่มบุคคล ประเทศ เงื่อนไข และมาตรการเข้าราชอาณาจักร โดยมีการกักตัวผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจากจากโอไมครอน

นอกจากนี้ยังมีการเปิดช่องทางทางบกให้เข้ามาในราชอาณาจักรได้เพิ่มคือที่ด่านหนองคาย โดยเริ่มวันที่ 24 ธันวาคม 2564 นี้ ส่วนที่ จ.สงขลาอยู่ระหว่างดำเนินการ ส่วนเรื่องมาตรการอื่น ๆ เช่นเรื่องประกันภัยยังเหมือนเดิม

สำหรับการปรับมาตรการโควิดในการจัดงานช่วงเทศกาลปีใหม่ อนุญาตให้บริโภคสุราในคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2564-1 มกราคม 2565 สามารถบริโภคสุราได้ไม่เกิน 01.00 น. และเฉพาะร้านที่เปิดโล่ง อากาศถ่ายเทสะดวกเท่านั้น และให้เคร่งครัดตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคที่สาธารณสุขกำหนด (COVID Free Setting)

เที่ยว-ฉลองปีใหม่ต้องได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์

“กรณีที่มีการจัดงานและมีผู้ร่วมงานตั้งแต่ 1,000 คนขึ้นไป ต้องได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ อย่างน้อย 2 เข็ม มีการตรวจ ATK ก่อนเข้างานภายใน 72 ชั่วโมง รวมถึงตรวจคัดกรองอื่น ๆ รวมถึงมาตรการส่วนบุคคล ซึ่งภาคเอกชนในฐานะผู้จัดงานจะต้องศึกษาและทำความเข้าใจ และจะต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบด้วย” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าวและว่า

เพราะฉะนั้นการได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์อย่างน้อยต้อง 2 เข็ม จะเป็นใบเบิกทางที่สามารถไปได้ทุกที่ เพราะฉะนั้นก่อนถึงปีใหม่ประชาชนที่ยังได้รับวัคซีนไม่ครบต้องรีบมาฉีดวัคซีน

นอกจากนี้ยังมีการรรายงานการจัดงานช่วงเทศกาลปีใหม่ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยมีการจัดงานในพื้นที่หลัก 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ นครราชสีมา ภูเก็ต ระยอง พระนครศรีอยุธยา และมีบวกรวมกันอีก 44 จังหวัด เป็นภาคเหนือ 13 จังหวัด ภาคกลาง 8 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 12 จังหวัด ภาคตะวันออก 3 จังหวัด และภาคใต้ 8 จังหวัด

โดยช่วงเวลาจะเป็นเป็นวันที่ 27-31 ธันวาคม 2564 และในพื้นที่การจัดงานจำหน่ายสินค้าและร้านอาหารพื้นถิ่นห้ามจำหน่ายแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด

ประยุทธ์สั่งวางแผนฉีดวัคซีนเข็ม 4 ได้เลย

ส่วนการสวดมนต์ข้ามปี กระทรวงวัฒนธรรมจัดขึ้นที่วัดอรุณราชวราราม วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม 2564 และในส่วนภูมิภาคอีกหลายจังหวัด ซึ่งทางกระทรวงวัฒนธรรมได้เสนอมาตรการทั้งมาตรการหลักและมาตรการเสริม หลัก ๆ คือมีพื้นที่กว้าง มีอากาศถ่ายเท มีการฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ รวมถึงเรื่องของ COVID Free Setting

สำหรับแผนการให้บริการวัคซีนตอนนี้เข็มที่ 1 อยู่ที่ 69.3% ของจำนวนประชากร และเข็มที่ 2 อยู่ที่ 60.2% และคาดว่าประเทศไทยจะมีผู้ได้รับวัคซีนครบ 100 ล้านโดส ภายในวันที่ 20 ธันวาคม 2564

ส่วนป้าหมายในปี 2565 ประชากรทุกคนในแผ่นดินไทยจะได้รับวัคซีนอย่างเพียงพอและครอบคลุมอย่างน้อยร้อยละ 80 ของจำนวนประชากร โดยแผนในปี 2565 ได้อนุมัติวัคซีนไปจำนวน 120 ล้านโดส และวางแผนเข็มที่ 4 ไว้เลย หลังจากที่มีการฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 ไปแล้วในช่วงเดิอนธันวาคม 2564-มีนาคม 2565

“เข็มที่ 4 ท่านนายกรัฐมนตรีบอกให้วางแผนไว้เลย หลังจากฉีดเข็มที่ 3 แล้ว ซึ่งเข็มที่ 4 ก็จะมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาก็ขอให้กรมควบคุมโรคมีการดำเนินการเรื่องของกฎหมาย เรื่องของสัญญาก่อนสั่งซื้อ ให้มีการได้ใช้วัคซีนที่ทันสมัย และสามารถป้องกันการแพร่เชื้อของสายพันธุ์ใหม่ ๆ ด้วย” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าวในตอนท้าย