ศบค.สั่งจับตาอีสาน ติดท็อป 10 ระบาดมากสุด “อุบลฯ” เจอคลัสเตอร์ใหญ่

นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน

ศบค.จับตากลุ่มจังหวัดอีสานติดท็อป 10 จังหวัดติดเชื้อโควิดสูงสุด เหตุเป็นช่วงเดินทางกลับภูมิลำเนา ระบุเจอคลัสเตอร์ใหญ่ที่อุบลฯ ร้านอาหารดื่มกินพบติดเชื้อแล้ว 46 คน จี้ 38 จังหวัดเร่งฉีดวัคซีนป้องกัน หลังยอดฉีดต่ำไม่ถึง 60 % พร้อมสั่งหน่วยงานรัฐ-ขอความร่วมมือเอกชน work from home หลังปีใหม่ 1 มกราคม 2565 ขณะที่สถานการณ์โลกสหรัฐ-อังกฤษยอดป่วยใหม่พุ่งไม่หยุด

วันที่ 29 ธันวาคม 2564 นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อประจำวันว่า สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ทั่วโลก ล่าสุดวันพุธที่ 29 ธันวาคม 2564 เวลา 10.00 น. มียอดผู้ติดเชื้อรวม 283,175,979 ราย อาการรุนแรง 89,088 ราย รักษาหายแล้ว 251,795,870 ราย และเสียชีวิต 5,430,520 ราย

สหรัฐ-สหราชอาณาจักร ยอดติดเชื้อใหม่ยังพุ่งไม่หยุด

อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด1.สหรัฐอเมริกา จำนวน 54,148,544 ราย 2.อินเดีย จำนวน 34,808,067 ราย 3.บราซิล จำนวน 22,254,706 ราย 4.สหราชอาณาจักร จำนวน 12,338,676 ราย 5.รัสเซีย จำนวน 10,437,152 ราย โดยประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 24 ของโลกจากจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,217,287 ราย

“จะเห็นว่าตัวเลขที่สหรัฐอเมริกาพุ่งขึ้นไปถึง 267,199 รายเพียงวันเดียว หรืออย่างสหราชอาณาจักรวันเดียวเพิ่มขึ้นไป 129,471 ราย แค่ 2 ประเทศนี้ก็เห็นตัวเลขของผู้ติดเชื้อแล้ว ทำให้เห็นสถานการณ์ที่เป็นการยืนยันว่าเกิดกันทั้งหมด รวมทั้งรอบ ๆ ประเทศไทยด้วย เช่น มาเลเซีย เวียดนาม เกาหลีใต้ ” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าว

ส่วนสถานการณ์การติดเชื้อ COVID-19 ในประเทศ ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 ผู้ป่วยรายใหม่ 2,575 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,188,424 ราย หายป่วยแล้ว 2,134,712 ราย เสียชีวิตสะสม 21,553 ราย

ขณะที่ข้อมูลสะสมตั้งแต่ปี 2563 ผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,217,287 ราย หายป่วยแล้ว 2,162,138 ราย เสียชีวิตสะสม 21,647 ราย

สำหรับผู้มาขอรับวัคซีน ข้อมูล ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2564 มีผู้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 68,981 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 197,635 ราย เข็มที่ 3 จำนวน 197,528 ราย และระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์-28 ธันวาคม 2564 มีผู้รับวัคซีน สะสมทั้งหมด จำนวน 103,439,403 โดส

  • จำนวนผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 สะสม : 51,138,178 ราย
  • จำนวนผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 สะสม : 45,743,122 ราย
  • จำนวนผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 สะสม : 6,558,103 ราย

จับตากลุ่มจังหวัดอีสาน อุบลฯเจอคลัสเตอร์ใหญ่

สำหรับ 10 อันดับจังหวัดที่ยังมีผู้ติดเชื้อสูงสุดในวันนี้ อันดับ 1.ยังเป็นกรุงเทพมหานคร 358 ราย รองลงมาเป็นชลบุรี 191 ราย 3.สมุทรปราการ 84 ราย 4.อุบลราชธานี 73 ราย 5.ขอนแก่น 68 ราย 6.กาฬสินธุ์ 65 ราย 7.นครศรีธรรมราช 63 ราย 8.สงขลา 62 ราย 9.นครราชสีมา 57 ราย และ 10.เชียงใหม่ 56 ราย

“จะเห็นว่ากรุงเทพมหานครยังยืนหนึ่งอยู่ แต่ว่าจังหวัดต่าง ๆ ที่อยู่ทางภาคอีสานเริ่มเข้ามาอยู่ในชาร์ตเหล่านี้แล้ว คือ ท็อป 10 ก็จะต้องระมัดระวังกันด้วย ซึ่งเราเคยเห็นปรากฏการณ์ของการกลับบ้านในช่วงเทศกาลต่าง ๆ คนอีสานที่เป็นแรงงานส่วนใหญ่ที่อยู่ในภาคอื่น ๆ ก็กลับภูมิลำเนาของตัวเอง ตรงนี้จะต้องช่วยกัน ซึ่งต้องเอ่ยถึงแรงงานสำคัญ คือ อสม.ที่จะเข้ามา ช่วยดูแลในพื้นที่ อย่างน้อยก็ต้องตรวจด้วย ATK หรือกักตัวอยู่ที่บ้านเพื่อรอดูอาการ”

นอกจากนี้ จากการรายงานของศูนย์ปฏิบัติการของกระทรวงสาธารณสุข (ศปก.สธ.) มีการรายงานถึงคลัสเตอร์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เช่น โรงงาน สถานประกอบการมีอยู่ 3 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี เพชรบุรี และขอนแก่น ตลาดมีที่ศรีสะเกษ กาฬสินธุ์ มุกดาหาร เชียงใหม่ สมุทรสาคร และยโสธร มีตั้งแต่ 2 รายจนถึง 8 ราย แคมป์คนงานอยู่ที่อุบลราชธานีเจอเข้าไป 3 ราย ค่ายทหาร ชุมชนที่เพชรบูรณ์ อยู่ในชุมชนแออัด 19 ราย

“ร้านอาหาร สถานบันเทิงที่จะเป็นคลัสเตอร์ในช่วงนี้พบที่อุบลราชธานี เป็นร้านอาหารที่ทำในลักษณะคล้าย ๆ ร้านดื่มกินด้วย 46 ราย เป็นคลัสเตอร์ใหญ่ทีเดียว และเป็นพื้นที่ที่ผมรับผิดชอบในฐานะผู้ตรวจราชการด้วย คงจะต้องเข้าไปช่วยกันในการขอความร่วมมือสถานประกอบการในการดูแลในเรื่อของ Covid free setting นอกจากนี้ ยังมีลำปาง เชียงใหม่ ฉะเชิงเทรา เจอประมาณ 3-4 ราย” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าว และว่า

นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า ส่วนสายพันธุ์ที่เราต้องระวัง โอไมครอน (Omicron) ที่อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์รายงานเมื่อเช้านี้ตัวเลขสะม 739 ราย จะเห็นว่ามีการกระจายไปทั่วประเทศ โดยเขต 13 คือ กทม. ตัวเลขสะสมตอนนี้ 273 รายไปแล้ว ที่กาฬสินธุ์เขต 7 ตัวเลขรวม 226 ราย โดยตัวเลขที่พบใหม่ คือ 98 ราย

“เป็นการสำรวจตรวจหาทางจีโนมหรือสายพันธุ์ที่เราต้องระวัง แต่จะห็นว่าสายพันธุ์ที่ระบาดอยู่ยังเป็นเดลต้า 90.94% ยังเป็นสายพันธุ์ที่ยังระบาดในประเทศอยู่ ขณะที่โอไมครอนอยู่ที่ประมาณ 9% ซึ่งก็คงยังต้องเฝ้าระวัง เพราะจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ และเป็นเรื่องที่กระทรวงสาธารณสุขต้องเฝ้าระวัง”

10 ประเทศเข้าไทย “เยอรมนี” มามากสุด

สำหรับการเฝ้าระวังในส่วนของผู้ที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรหลังเปิดประเทศตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน ล่าสุดจนถึง 28 ธันวาคม 2564 มีผู้เดินทางเข้ามาแล้ว 393,132 ราย เฉพาะเดือนธันวาคมเดือนเดียวมีการเดินทางเข้ามาเพิ่มกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน และระบบ Test & Go เข้ามามากทujสุด รวมมีผู้ติดเชื้อโควิดหลังเปิดประเทศ 1,117 ราย

ส่วนประเทศต้นทาง 10 อันดับแรกที่เข้ามามากที่สุดคือเยอรมนี 22,828 ราย สหราชอาณาจักร 17,950 ราย รัสเซีย 14,399 ราย สหรัฐอเมริกา 10,361 ราย สิงคโปร์ 10,233 ราย ฝรั่งเศส 9,171 ราย เป็นต้น

“จะเห็นว่ากราฟเส้นสีแดง (หรือระบบ Test & Go พุ่งขึ้นจาก 30 กว่าในช่วงคริสต์มาส หรือช่วงการตรวจของเดือนธันวาคม จะเห็นว่าชันขึ้นไปถึง 87 ราย หรือแค่สัปดาห์เดียว เพราะฉะนั้น ตรงนี้เป็นการเตือน หรือเป็นการบอกกับสถานประกอบการ รวมถึงประชาชนในพื้นที่ได้ช่วยกันดูแล และทางสาธารณสุขจะได้นำประเภทของผู้ที่เดินทางเข้ามาเพื่อจะได้ศึกษา และจะได้วางแผนการป้องกันต่อไป” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าว

เปิดชื่อ 38 จังหวัดฉีดวัคซีนต่ำกว่า 60%

สำหรับจังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนร้อยละ 50-59 ของประชากร ซึ่งยังน้อยอยู่ มีอยู่ด้วยกัน 38 จังหวัด เช่น นครปฐม นราธิวาส ปัตตานี แพร่ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก สุโขทัย กำแพงเพชร ชัยนาท นครสวรรค์ พิจิตร อุทัยธานี นครนายก ลพบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง สมุทรสงคราม กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี สระแก้ว ชัยภูมิ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี พัทลุง สตูล กาฬสินธุ์ สกลนคร นครพนม บึงกาฬ หนองบัวลำภู สุรินทร์ หนองคาย และอุดรธานี

“ขอความกรุณาจังหวัดทั้งหมดนี้ 38 จังหวัด ขอให้เข้ารับการฉีดวัคซีนให้มาก ๆ และในนี้เน้นย้ำกลุ่มผู้สูงอายุ ใครที่เป็นลูกหลานของผู้ที่อยุ่ในปัตตานี นครนายก กาญจนบุรี และราชบุรี จังหวัดเหล่านี้ยังไม่ถึง 60% ขอให้ทุกท่านให้ความสำคัญเพื่อที่เราจะได้ช่วยกันป้องกัน เป็นการติดแล้วไม่ตาย วัคซีนช่วยได้ ทำให้เมื่อติดแล้วความรุนแรงน้อยลง และไม่เสียชีวิต อันนี้ชัดเจนและยืนยันกันทั่วโลก”

นายแพทย์ทวีศิลปืกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ เรื่องที่ ศบค.มีความเป็นห่วงหลังเทศกาลปีใหม่ค่อนข้างมาก คือการเคลื่อนย้ายการเดินทางสำหรับคนไทยที่กลับภูมิลำเนาหรือไปเที่ยว ไปเจอคนจำนวนมากและกลับมายังบ้านของท่าน มาตรการที่เราได้ออกไปฉบับที่ 40 โดยขอให้ภาครัฐถ้าเป็นไปได้ หลังวันที่ 1 มกราคม 2565 สามารถที่จะใช้มาตรการทำงานที่บ้านหรือ work from home ได้ และให้ยืดหยุ่นตั้งแต่ 1-14 วัน และต้องขอความร่วมมือจากภาคเอกชนด้วยในช่วงหลังเทศกาลปีใหม่ เพื่อที่เราจะได้ควบคุมโรคได้

“ถือว่าทุกท่านมีความเสี่ยงทุกคน เพราะฉะนั้น เราจะใช้ช่วงเวลาหลังปีใหม่เพื่อที่จะ work from home ให้มากที่สุด เพื่อช่วยในการควบคุมการแพร่เชื้อได้” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าวในตอนท้าย