“บอย ยูนิตี้”รับข้อหาคดีนำเข้ารถหรู งงซ้ำซ้อนคดีเก่า โบ้ยกรมศุลฯกำหนดราคาไม่ชัดเจน

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 21 กรกฎาคม ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายภาณุศักดิ์ หรือนายอินทระศักดิ์ เตชธีรสิริ หรือ บอย ยูนิตี้ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกสำแดงเท็จ โดยนำเอกสารใส่ซองสีน้ำตาลมามอบให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ หลังถูกดีเอสไอออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องในคดีการหลบเลี่ยงภาษีนำเข้ารถยนต์หรู มีบุคคล และนิติบุคคลถูกออกหมายเรียกรวม 16 หมายเรียก โดยนายอินทระศักดิ์ ขอเลื่อนการเข้าพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษมาแล้ว 1 ครั้ง

นายอินทระศักดิ์กล่าวก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวน ว่าสาเหตุที่เดินทางมาดีเอสไอในวันนี้ เนื่องจากดีเอสไอออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา ตนยังไม่เข้าใจว่าทำไมจึงถูกออกหมายเรียก เพราะคดีนี้ดำเนินคดีกับบริษัท ออสติน ออโต้คาร์ เป็นบริษัทเก่า และขณะนี้ไม่ได้ดำเนินกิจการภายหลังถูกกรมศุลกากรดำเนินคดีฐานสำแดงเท็จตั้งแต่ปี 2556 คดียังอยู่ในชั้นอัยการ จึงไม่เข้าใจว่าทำไมดีเอสไอจึงดำเนินคดีซ้ำซ้อน และยังมายึดอายัดรถในบริษัทเอสที ที ออร์โต้เซอร์วิส จำกัด มีชื่อตนเป็นกรรมการบริษัท

ต่อมาเวลา 12.30 น. นายอินทระศักดิ์ กล่าวภายหลังการเข้าพบพนักงานสอบสวนใช้เวลากว่า1ชั่วโมง ว่า ได้สอบถามความชัดเจนก่อนที่จะรับทราบข้อกล่าวหา เพราะที่ผ่านมาการนำเข้ารถยนต์สำแดงภาษีตามมาตรา 317 ของกรมศุลกากรมาโดยตลอด กระทั่งกรมศุลกากรกับดีเอสไอบอกว่าผิด ถ้าเป็นเช่นนี้รถยนต์ทุกคันที่นำเข้าโดยบริษัทของตนและบริษัทอื่นๆ ก็ผิดทั้งหมด โดยดีเอสไอยืนยันจะใช้ใบอินวอยซ์ที่แท้จริงจากโรงงานผู้ผลิตในการแจ้งข้อกล่าวหาสำแดงเท็จนำเข้าภาษีไม่ถูกต้อง จึงชี้แจงว่าการเสียภาษีนำเข้าหากจะไม่ถูกต้องก็เกิดจากความไม่ชัดเจนของกรมศุลกากร

นายอินทระศักดิ์ กล่าวต่อว่า จากนั้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาสำแดงเท็จนำเข้ารถยนต์ลัมโบร์กีนี 1 คัน โดยตนได้ขอยื่นส่งเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมในวันที่ 16 สิงหาคมนี้ ส่วนรถยนต์คันอื่นๆ ดีเอสไอระบุว่ายังอยู่ระหว่างรอประเทศต้นทางส่งใบอินวอยซ์ที่แท้จริงและประเมินภาษี จากนั้นจึงจะเรียกเข้ามาแจ้งข้อกล่าวหาอีก สำหรับรถยนต์ลัมโบร์กีนีที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหานั้น เป็นรถยนต์ที่นำเข้ามาตั้งแต่ปี 2555 กรมศุลกากรได้ดำเนินคดีสำแดงเท็จไปแล้ว ในวันนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาเกี่ยวกับรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมจากประเทศอังกฤษและรถยนต์คันอื่นๆ ทั้งนี้ดีเอสไอยังระบุว่า หากดีเอสไอได้ใบอินวอยซ์ที่แท้จริงมาก็พร้อมจะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม แสดงว่ารถยนต์ที่วิ่งกันอยู่บนถนนกับรถที่จอดอยู่ในโชว์รูมมีสิทธิ์จะโดนทั้งหมด

“พวกผมเป็นผู้นำเข้า การที่ดีเอสไอกำหนดให้แสดงราคาที่แท้จริง ก็ควรจะบอกหรือกำหนดออกไปตั้งแต่ต้น แสดงว่าสิ่งที่ทำมามันผิด และจะแก้ไขสิ่งที่ทำผิดไว้อย่างไร เพราะทำกันแบบนั้นมาตลอด และที่นำเข้าใหม่จะทำอย่างไร ต้องกำหนดออกมาให้ชัด ถ้ารับได้ก็จะทำต่อ หากรับไม่ได้คงต้องปิดกิจการ ขณะนี้ยังไม่ได้ประเมินความเสียหายที่ถูกอายัดรถยนต์ เนื่องจากยังไม่ทราบว่าคดีจะยืดเยื้อยาวนานแค่ไหน” นายอินทระศักดิ์กล่าว

ด้าน พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า สำหรับการสอบสวนของดีเอสไอไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้ง โดยการดำเนินการทุกเรื่องเป็นไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฎในพยานเอกสาร พบว่าสิ่งที่ผู้ประกอบการทำคือสำแดงราคาต่ำมาตลอด ทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลังจากนี้เมื่อดีเอสไอได้รับราคาประเมินล็อตที่ 2 และ 3 จากกรมศุลกากร จะปรากฏชื่อผู้ต้องหารายอื่น จะถูกปฏิบัติเช่นเดียวกับนายอินทระศักดิ์ ทั้งนี้ ล่าสุดพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ได้ประสานข้อมูลไปยังอธิบดีกรมศุลกากร เพื่อให้เร่งรัดการประเมินภาษีรถยนต์ล็อตที่ 2 จำนวน 300 คัน ซึ่งกรมศุลกากรมีการประชุมเพื่อประเมินราคารถยนต์กลุ่มแรก 101 คัน ดังนั้น ทันทีที่ดีเอสไอได้รับราคาประเมินจากกรมศุลกากรจะทยอยเรียกผู้นำเข้าที่สำแดงเท็จมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป

 


ที่มา : มติชนออนไลน์