ไกรเดช บุนนาค ศาลปกครองสั่ง กกต. ให้รับเป็น ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.

ไกรเดช บุนนาค ศาลปกครองสั่งให้รับเป็น ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.

ศาลปกครองสั่งให้รับ “ไกรเดช บุนนาค” เป็นผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. หลัง กกต.ไม่รับ เนื่องจากมีลักษณะต้องห้าม เป็นเจ้าของ-ผู้ถือหุ้น กิจการหนังสือพิมพ์ 

วันที่ 18 พฤษภาคม 2565 กรณี คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดรับสมัครเลือกตั้งชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยมีรายชื่อผู้สมัครทั้งหมดทั้งที่ผ่านคุณสมบัติและไม่ผ่านคุณสมบัติ รวมทั้ง 31 คน หนึ่งในนั้นคือ นายไกรเดช บุนนาค สมัครในนามอิสระ หมายเลข 19

นายไกรเดช ถูกตัดสิทธิเนื่องจากตรวจสอบพบว่า เป็นผู้มีลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา 50 (3) แห่ง พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 “เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ” (ได้ยื่นจดแจ้งการพิมพ์หนังสือพิมพ์และเป็นเจ้าของกิจการ ผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา และบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ “ไฮไลท์บันเทิง” โดยได้ยื่นจดแจ้ง เมื่อปี พ.ศ. 2546)

ล่าสุด ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาโดยสั่งให้ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และ ผอ.การเลือกตั้งประจำท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร (ผอ.กกต.กทม.) รับนายไกรเดช บุนนาค เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 19 ตามรายงานข่าวสด

ศาลให้เหตุผลว่า การที่ กกต.และ ผอ.กกต.กทม. ไม่รับนายไกรเดช เป็นผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เนื่องจากมีลักษณะต้องห้าม ลงสมัครตามมาตรา 55 พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 โดยเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์ “ไฮไลท์บันเทิง” น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ประกอบกับ หากให้ประกาศ ผอ.กกต.กทม. เรื่องบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. ที่ได้รับสมัครและไม่รับสมัครลงวันที่ 11 เม.ย. 2565 ในส่วนที่ไม่รับสมัครนายไกรเดช มีผลใช้บังคับต่อไป จะทำให้นายไกรเดชไม่ใช่ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ผู้ว่าฯ กทม. และในวันที่ 22 พ.ค. ประชาชนไม่สามารถใช้สิทธิเลือกนายไกรเดชได้

หากต่อมาศาลพิพากษาว่า การไม่รับสมัครนายไกรเดชไม่ชอบด้วยกฎหมาย ประชาชนไม่สามารถกลับมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งนายไกรเดชเป็นผู้ว่าฯ กทม.ได้อีก แม้นายไกรเดชจะเรียกค่าเสียหายในกรณีนี้ได้ แต่การได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม. จะทำให้นายไกรเดชปฏิบัติหน้าที่ผู้ว่าฯ กทม. สร้างผลงานต่าง ๆ เพื่อเป็นโอกาสในการเลือกตั้งครั้งต่อไปได้ ซึ่งไม่สามารถใช้เงินไม่ว่าจำนวนเท่าใดเพื่อชดเชยโอกาสดังกล่าว

การให้ประกาศ ผอ.กกต.กทม. เรื่องบัญชีรายชื่อผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ที่ได้รับสมัครเลือกตั้งและไม่ได้รับสมัครเลือกตั้งลงวันที่ 11 เม.ย. 65 ในส่วนที่ไม่รับสมัครนายไกรเดช มีผลใช้บังคับต่อไป จึงทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงที่ยากแก่การเยียวยาแก้ไขภายหลัง

นอกจากนี้การให้นายไกรเดชเป็นผู้มีสิทธิรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม. และผลเลือกตั้งปรากฏว่า นายไกรเดชได้รับเลือกด้วยคะแนนสูงสุด หากต่อมาศาลพิพากษาว่า การไม่รับสมัครนายไกรเดช เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว จะมีผลเพียง กกต. ต้องจัดเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม.ใหม่ โดยสามารถเรียกให้นายไกรเดช ชดใช้ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการจัดเลือกตั้งได้

การทุเลาการบังคับตามประกาศ ผอ.กกต.กทม. เรื่องบัญชีรายชื่อผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ที่ได้รับสมัครและไม่ได้รับสมัครเลือกตั้งลงวันที่ 11 เม.ย. 65 ในส่วนที่ไม่รับสมัครนายไกรเดช จึงไม่เป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐหรือบริการสาธารณะ ส่วนที่ กกต.แย้งว่า คดีนี้ไม่ได้อยู่ในอำนาจพิจารณาวินิจฉัยของศาลปกครองนั้น กกต.ไม่ได้ทำคำร้องเป็นหนังสือยื่นต่างหากจากคำชี้แจง จึงไม่มีประเด็นให้ต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล 2542

จึงมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามประกาศ ผอ.กกต.กทม. เรื่องบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่ได้รับสมัครและไม่ได้รับสมัคร ลงวันที่ 11 เม.ย. ในส่วนที่ไม่รับสมัครนายไกรเดช และมติ กกต.ในการประชุมครั้งที่ 36/2565 เมื่อวันที่ 26 เม.ย. ในส่วนที่ยกอุทธรณ์ของนายไกรเดช ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งลักษณะเดียวกันให้ กกต. รับนายพีรพล กนกวิลัย จากพรรคก้าวไกล เป็นผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตพญาไท หลังนายพีรพล ยื่นฟ้องว่าการที่กกต.ตัดสิทธิไม่ประกาศให้ตนเองเป็นผู้สมัคร ส.ก.ด้วยเหตุว่ามีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครโดยเป็นเจ้าของ ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา หนังสือท่องธรรมชาตินั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย