หมอธีระวัฒน์ หวั่น ก.ย.-ต.ค. อาจเกิดโควิดสายพันธุ์ย่อยใหม่

หมอธีระวัฒน์ ภูมิคุ้มกันหมู่
ภาพจากเฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha

หมอธีระวัฒน์ ชี้วัคซีนไม่ใช่คำตอบเดียว หากเคยฉีดหรือติดโอมิครอนแล้ว ติดเชื้อซ้ำซากได้ เสี่ยงเกิดภาวะลองโควิดมากขึ้น เน้นย้ำฉีดเข็มกระตุ้น ไฟเซอร์ โมเดอร์ ยังจำเป็น ลดป่วยหนัก-เสียชีวิต หวั่น ก.ย.-ต.ค. อาจมีสายพันธุ์อื่นออกมา

วันที่ 28 กรกฎาคม 2565 ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โพสต์เฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha ถึงสถานการณ์โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ระบุว่า ไม่ว่าจะฉีดวัคซีน หรือมีการติดเชื้อโอมิครอนไปแล้ว สามารถเกิดการติดเชื้อซ้ำได้ และจะทำให้เกิดภาวะลองโควิดมากขึ้น

พร้อมเน้นย้ำว่า การฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ด้วยวัคซีนไฟเซอร์ โมเดอร์นา หรือแอสตร้าเซนเนก้า ยังเป็นสิ่งจำเป็น ที่จะช่วยลดอัตราการป่วยหนักและเสียชีวิต แต่อย่างไรก็ตาม วัคซีนไม่ใช่คำตอบเดียว แต่ขึ้นอยู่กับวินัยการป้องกันตัวเอง และการได้รับยารักษาที่รวดเร็ว ทั้งนี้ ยังคาดว่าในช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคม อาจมีไวรัสสายพันธุ์อื่นออกมาอีก ที่มีประสิทธิภาพหลบหนีการป้องกันการติดเชื้อได้

สำหรับข้อความโพสต์ดังกล่าวทั้งหมดมีดังนี้

วัคซีนไม่ใช่คำตอบเดียว จาก Imperial Collegeในวารสาร Science เดือนมิถุนายน และรายงานอื่น ๆ จนปัจจุบัน สำคัญมากครับ ทั้ง T และ B cell ในคนได้วัคซีนสามเข็ม หรือได้วัคซีนบวกติดเชื้อด้วยโควิดสายเก่งต่าง ๆ (variant of concern) มาก่อน เมื่อมีการติดโอมิครอนกลับมีการตอบสนองที่ลดลงไปต่อโอมิครอน เมื่อเทียบกับสายอื่น ๆ

และอธิบายว่าเมื่อมีการติดโอมิครอนที่เป็นการติดเชื้อตามธรรมชาติ โอมิครอนไม่ได้ปฏิบัติเป็นตัวกระตุ้นภูมิคุ้มกัน อย่างที่หวังจะให้เป็น แบบตัวกระตุ้นผสมกับวัคซีน ที่เรียกว่า ไฮบริด และวัคซีนที่ฉีดไปทั้ง 3 เข็ม รวมทั้ง mRNA gen ใหม่ ที่มี omicron spike ก็ได้ผลแบบเดียวกันคือ กลับลดลงต่อโอมิครอน แต่กลับไปเพิ่มภูมิต่อโควิดสายเดิม ทั้ง อู๋ฮั่น อัลฟ่า เดลต้า ตามที่มีพิมพ์เขียวอยู่

ทั้งนี้ แสดงว่า epitopes ของ T และ B ที่วัคซีน รุ่นใหม่จะดีหรือไม่อาจจะต้องอยู่นอก spike/RBD หรือขึ้นกับ Conformational epitopes ระหว่างการติดเชื้อของโอมิครอนหรือไม่ ตามที่คณะผู้วิจัยวิเคราะห์ ปรากฏการณ์นี้ เรียกว่า hybrid immune damping

ผลกระทบก็คือไม่ว่าฉีดวัคซีน หรือติดโอมิครอนไปแล้ว หรือฉีดและติดไปแล้ว ติดโอมิครอนใหม่ซ้ำซากได้ และหมายความว่าลองโควิดที่จะเจอจะมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการติดเชื้อซ้ำ ๆ แม้ว่ารายงานระยะแรกในปี 2565 โอมิครอนดูเหมือนจะเกิดลองโควิดน้อยกว่า

อย่างไรก็ตาม การฉีดครบสามเข็มด้วย PZ หรือ MDN/AZ AZ และเข็มสาม PZ หรือ MDN ยังเป็นสิ่งจำเป็น ที่ช่วยลดอาการหนักหรือลดความเสี่ยงที่จะเสียชีวิต สำหรับวัคซีนเข็มสี่ทางกระทรวงสาธารณสุขได้มีคำแนะนำเข็มสี่ มีประโยชน์สำหรับคนที่อายุ 80 หรือสูงวัยที่มีโรคประจำตัว (การศึกษาอายุเกิน 60 ขึ้นไปโดยเฉลี่ยอายุ 80 ปี) ดังรายงานจากต่างประเทศ

การใช้เข็มสี่ที่เป็น bivalent (mRNA เดิมผสมโอมิครอน 1/2) ในสถานการณ์ โอมิครอน BA 4/5 รวมกระทั่งถึงการใช้วัคซีนที่เป็นโอมิครอน BA4/5 เกรงกันว่าภายในเดือนกันยายนหรือตุลาคม โอมิครอนอาจจะหนีออกไปอีก รวมกระทั่งมีวาเรียนท์สายย่อยอื่นออกมา ที่สามารถหนีทั้งในการป้องกันการติดเชื้อ

แม้ว่าความดีของการลดอาการหนักอาจจะยังคงอยู่จากการฉีดวัคซีน ที่ผ่านมารวมทั้งการติดเชื้อด้วย โดยที่ไม่ได้ออกฤทธิ์แบบเฉพาะเจาะจงต่อโควิดตัวใดตัวหนึ่ง และเป็นการออกฤทธิ์แบบเฉียบไวเฉียบพลัน (ระบบ innate)

ด้วยความเก่งกาจของโควิดและข้อจำกัดของวัคซีน ดังนั้นวัคซีนคงไม่ใช่คำตอบเดียว แต่ต้องเป็นการร่วมประสานวินัยของพวกเราเอง และยาที่ใช้รักษาต้องสามารถเข้าถึงได้เร็วที่สุดเพื่อยุติกระบวนการติดเชื้อและทำให้อาการสงบเร็วไม่แพร่เชื้อต่อ และอาจลด ลองโควิด และวัคซีน ภาคบังค้บ 3 เข็ม (มากกว่านั้นตามความสมัครใจ)