คนไทยใช้เวลาดูวิดีโอบน “ทวิตเตอร์” เพิ่มขึ้น 81%

ทวิตเตอร์ twitter
FILE PHOTO: REUTERS/Dado Ruvic/Illustration

“ทวิตเตอร์” เจาะพฤติกรรมคนไทยใช้เวลาดูวิดีโอคอนเทนต์ เพิ่มขึ้น 81% ทั้งเกาะติด “ข่าวสาร-เทรนด์ฮิต” ทั้งกระตุ้นต่อมช็อป และมีผลต่อการตัดสินใจซื้อ แนะแบรนด์เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าผ่านคอนเทนต์ในรูปแบบ “วิดีโอ”

วันที่ 20 กันยายน 2565 ทวิตเตอร์ เปิดเผยการศึกษาแบบเจาะลึกในเรื่องของพฤติกรรมการรับชมวิดีโอบนทวิตเตอร์ของชาวไทย พบว่าวิดีโอได้กลายเป็นส่วนสำคัญของประสบการณ์การใช้ทวิตเตอร์ของชาวไทย มีการรับชมวิดีโอเพิ่มขึ้นกว่า 70% และพบว่าชาวไทย 73% กล่าวว่าทวิตเตอร์เป็นแพลตฟอร์มหลักในการรับชมคอนเทนต์วิดีโอ และส่วนใหญ่มักพบคลิปวิดีโอใหม่ ๆ ขณะที่กำลังเลื่อนดูทวิตเตอร์ (53%)

นายเจย์ ทรัดเจน หัวหน้าฝ่ายการโฆษณาแบรนด์ ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ของทวิตเตอร์ เปิดเผยว่า ทวิตเตอร์ได้กลายเป็นแหล่งคอนเทนต์วิดีโอหลักของโลก ด้วยการเติบโตของปริมาณการรับชมวิดีโอบนทวิตเตอร์ที่เพิ่มขึ้นกว่า 1 หมื่นล้านครั้ง เมื่อเทียบระหว่างไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ปี 2564

การศึกษาล่าสุดยังพบว่าระยะเวลาการรับชมวิดีโอบนทวิตเตอร์ในไทยเพิ่มขึ้นถึง 81% และปริมาณการรับชมวิดีโอบนทวิตเตอร์ในไทยเพิ่มขึ้นกว่า 70% โดยชาวไทยนิยมดูคอนเทนต์ ข่าวสาร เหตุการณ์ในปัจจุบัน รวมถึงไลฟ์สไตล์และเรื่องที่กำลังติดเทรนด์มากที่สุด

นอกจากนี้ บทสนทนาบนทวิตเตอร์ยังกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่าย โดย 76% ของคนที่ทำแบบสำรวจกล่าวว่า บทสนทนาบนทวิตเตอร์ส่งผลให้พวกเขาตัดสินใจซื้อสินค้า

ในรายงานยังเปิดเผยถึงข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของคนไทยในการรับชมวิดีโอ รวมถึงวิธีที่แต่ละแบรนด์จะปลดล็อกศักยภาพของการใช้สื่อในรูปแบบวิดีโอในการสร้างเอ็นเกจเมนต์กับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และพบด้วยว่าการรับชมวิดีโอบนทวิตเตอร์กลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วในประเทศไทย โดยคนไทยหันมาสนใจและใช้ทวิตเตอร์มากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“วิดีโอกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ที่ทุกคนให้ความสนใจในการขับเคลื่อนบทสนทนา ผู้คนเข้ามาใช้ทวิตเตอร์เพื่อค้นหาว่ากำลังมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้าง ขณะเดียวกัน พวกเขาก็ค้นหาคอนเทนต์วิดีโออื่น ๆ เพื่อให้ได้รับประสบการณ์การใช้ทวิตเตอร์อย่างเต็มที่ไปด้วย”

ขณะเดียวกัน ยอดเอ็นเกจเมนต์ของทวีตที่เป็นวิดีโอเติบโตขึ้นกว่า 45% โดยระยะเวลาในการรับชมวิดีโอบนทวิตเตอร์ในไทยเพิ่มขึ้นถึง 81% และปัจจุบันเนื้อหาบนทวิตเตอร์ประเทศไทยมีวิดีโอเป็นสัดส่วนถึง 76% และคนไทยที่ใช้ทวิตเตอร์ 73% กล่าวว่า ทวิตเตอร์เป็นแพลตฟอร์มหลักในการรับชมคอนเทนต์ในรูปแบบวิดีโอออนไลน์

คนไทย 53% ค้นพบคอนเทนต์วิดีโอใหม่ ๆ ขณะเปิดดูหน้าไทม์ไลน์ของตัวเอง ขณะที่ 44% จะเข้ามาค้นหาคอนเทนต์วิดีโอบนทวิตเตอร์โดยเฉพาะ

ทวิตเตอร์ระบุด้วยว่า ข่าวสารและเหตุการณ์ปัจจุบันเป็นคอนเทนต์วิดีโอยอดนิยมของชาวไทยบนทวิตเตอร์ การชื่นชอบและความสนใจมีบทบาทสำคัญ โดยชาวไทยกว่า 90% กล่าวว่ามีโอกาสสูงที่พวกเขาจะคลิกและรับชมคอนเทนต์วิดีโอ หรือเทรนด์ที่มีความเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ตนเองสนใจ

 

สำหรับหมวดหมู่คอนเทนต์วิดีโอยอดนิยมบนทวิตเตอร์ประเทศไทย ได้แก่ ข่าวสารและเหตุการณ์ในปัจจุบัน (59%) มีมและคอนเทนต์ที่เป็นไวรัล (51%) สิ่งที่เกี่ยวกับดาราเซเลบ (46%) ไลฟ์สไตล์ (41%) และอินฟลูเอนเซอร์หรือคอนเทนต์ครีเอเตอร์ (39%)

นอกจากนี้ ผู้คนบนทวิตเตอร์กำลังมองหาวิธีการใหม่ ๆ ในการบริโภคคอนเทนต์วิดีโอ ทวิตเตอร์พบว่าชาวไทยเริ่มหันมารับชมการไลฟ์สตรีม 46% เลือกรับชมข่าวสาร 45% รับชมการถ่ายทอดงานเทศกาลต่าง ๆ 44% รับชมการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ 41% รับชมในช่วงถาม-ตอบกับดารา และ 40% มักรับชมการถ่ายทอดสดงานเดินพรมแดงและการประกาศรางวัลต่าง ๆ

“ทวิตเตอร์ได้ก้าวเข้ามาเป็นหน้าจอที่สองในช่วงเวลาเหล่านั้น โดยชาวไทยบนทวิตเตอร์กว่า 4 ใน 5 คน หันมาใช้ทวิตเตอร์ ขณะที่ดูทีวี และสตรีมมิ่งคอนเทนต์อื่น ๆ อีก 73% ใช้ทวิตเตอร์พูดคุยกับคนอื่นๆ ขณะที่ดูถ่ายทอดการแข่งกีฬา”

ในรายงานของทวิตเตอร์เปิดเผยอีกว่า 72% ของผู้คนบนทวิตเตอร์เพลิดเพลินกับการรับชมวิดีโอโฆษณา และได้เห็นว่าแบรนด์มีอะไรที่น่าสนใจ เมื่อเปรียบเทียบการรับชมวิดีโอโฆษณาในแพลตฟอร์มอื่น ๆ ผู้คนกว่า 57% เลือกรับชมวิดีโอโฆษณาบนทวิตเตอร์มากกว่า และ 57% รู้สึกว่าการรับชมวิดีโอโฆษณาบนทวิตเตอร์รบกวนประสบการณ์การใช้งานน้อยกว่าแพลตฟอร์มอื่น ๆ

“ความนิยมของวิดีโอบนทวิตเตอร์ประเทศไทยเติบโตขึ้น และจากข้อมูลเชิงลึกของเราพบว่า 72% ของชาวไทยชื่นชอบที่จะรับชมวิดีโอบนทวิตเตอร์ สิ่งที่น่าสนใจสำหรับแบรนด์คือ 6 ใน 10 ของคนไทยมองว่าแบรนด์เป็นส่วนหนึ่งของความเพลิดเพลินในการใช้ทวิตเตอร์ ขณะที่ 57% เลือกที่จะรับชมวิดีโอโฆษณาบนทวิตเตอร์มากกว่าแพลตฟอร์มอื่น ๆ จึงนับเป็นโอกาสสำคัญที่แบรนด์จะเข้ามาสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่เชื่อมโยงกับผู้ชมและใช้พลังของวิดีโอบนทวิตเตอร์สร้างการรับรู้และความต้องการต่อผลิตภัณฑ์” นายเจย์ย้ำ