โรบินฮู้ด (Robinhood) หนึ่งในแพลตฟอร์ม “ฟู้ดดีลิเวอรี่” ที่เกิดขึ้นมาในช่วงวิกฤตโควิด-19 เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ไม่ได้คิดถึงผลกำไรทางธุรกิจเป็นตัวตั้ง แต่ต้องการเป็นทางเลือกให้ร้านค้าเล็ก ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ ไม่สามารถเปิดร้านได้ตามปกติ ถ้าจะขึ้นไปอยู่บนแพลตฟอร์มฟู้ดดีลิเวอรี่เจ้าดังก็จ่ายค่าธรรมเนียมการใช้งาน (GP) ไม่ไหว
จุดเริ่มต้นกับเป้าหมายใหม่
“ธนา เธียรอัจฉริยะ” ประธานกรรมการ บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด ผู้พัฒนา และให้บริการแพลตฟอร์ม “โรบินฮู้ด” ในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ เล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้นของ Robinhood ว่าเกิดจากความต้องการที่จะช่วยเหลือ “คนตัวเล็ก” ทั้งฝั่งผู้ประกอบการร้านค้า ลูกค้า และไรเดอร์ ด้วยการเป็นแพลตฟอร์มฟู้ดดีลิเวอรี่ที่ไม่เก็บค่า GP
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- อย.เปิดชื่ออาหารเสริม พบสารอันตราย ร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิต เตรียมดำเนินการตามกฎหมาย
- แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ตัดคนกลุ่มไหน ใครได้รับสิทธิบ้าง!
“พอทำไปสักพักเริ่มเห็นว่าแพลตฟอร์มนี้มีค่าอย่างมาก จากผู้ใช้, ไรเดอร์ และพาร์ตเนอร์ร้านค้าที่เข้าร่วมจำนวนมาก จึงมองถึงโอกาสเติบโตเป็นซูเปอร์แอป”
ด้วยการขยายบริการไปสู่ธุรกิจท่องเที่ยว ด้วย “Robinhood Travel” บริการด้านการท่องเที่ยวออนไลน์ครบวงจร ที่ไม่เก็บค่าคอมมิชชั่นจากโรงแรม เพื่อช่วยผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยว
กระทั่ง ส.ค.ที่ผ่านมา ทดลองนำไอคอน “ซื้อของกัน” มาเพิ่มในแอป อยู่ในกลุ่มธุรกิจใหม่ “Robinhood Mart” ให้สั่งซื้อของสดของชำในร้านค้าเล็ก ๆ ตามซอย, ตลาดสด ไปจนถึงซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั้งหลาย
Robinhood Mart คือการกลับไปมุ่งที่การ “แก้ปัญหา” ของผู้คนเสมือนตอนเริ่มต้นธุรกิจอีกครั้ง
เจาะฐานลูกค้ากำลังซื้อสูง
“Pain Point ของบ้านเรา คือฝนตกรถติด จะใช้รถในเวลาที่ต้องการก็ไม่มี ขณะที่ร้านค้าในช่วงฝนตกก็จะค่อนข้างซบเซา เราจึงคิดถึงการใช้ซูเปอร์แอปมาแก้ปัญหา ลองนำ Robinhood Mart ไปวางบนแอป โดยไม่ได้ทำการตลาดใด ๆ ปรากฏผลตอบรับดีมาก คนที่ใช้บริการสั่งอาหารก็หันมาใช้บริการนี้ด้วย ทำให้ไรเดอร์มีงานเพิ่มขึ้น จริง ๆ เราเองค่อนข้างแข็งแรงในกลุ่มลูกค้าเราที่เรียกว่า กลุ่มสตาร์บัคส์ เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ มีเครดิตจากธนาคารเป็นฐานลูกค้าที่ผูกบัญชี SCB Easy และบัตรเครดิต”
ในช่วงที่ทดลองเปิดบริการ มียอดสั่งซื้อมากกว่า 10,000 ออร์เดอร์ต่อเดือน เฉลี่ยออร์เดอร์ละ 280 บาท สินค้าที่ได้รับความนิยม คือผักสวนครัว เนื้อสัตว์ และยา ตามลำดับ ทั้งได้รับความสนใจจากร้านค้ากว่า 4,000 ร้านค้า ในจำนวนนี้เป็นพรีเมี่ยมแบรนด์กว่า 100 แบรนด์ โดยเฉพาะแบรนด์เครื่องสำอาง และสินค้าไอทีที่มีความต้องการซื้อสินค้าส่งด่วนค่อนข้างสูง และมีมาร์จิ้นสูงด้วย
“นันทพร วงศ์จิรัฐิติกาล” หัวหน้าฝ่ายธุรกิจมาร์ต ของ “โรบินฮู้ด” เสริมว่า ช่วงพีกของบริการโรบินฮู้ด มาร์ต มีสองช่วงคือ บ่ายโมง นิยมสินค้าขบเคี้ยว และในช่วง 5 โมงเย็นถึง 1 ทุ่ม จะซื้อสินค้าอาหารสดที่จะใช้สำหรับประกอบอาหาร โดยมีความถี่ในการใช้บริการเฉลี่ยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง/คน
จุดยืนและการแข่งขัน
“สีหนาท ล่ำซำ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า โรบินฮู้ดยังมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือคนตัวเล็ก จึงเก็บค่า GP ต่ำสุดในตลาด คือไม่เกิน 15% ส่วนที่เป็นตลาดสด หรือร้านเล็ก ๆ ก็จะไม่เก็บเลย เป็นจุดที่ช่วยให้ Robinhood Mart ต่างจากผู้ให้บริการรายอื่น
และด้วยความแข็งแกร่งของฐานลูกค้า ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง จึงตั้งเป้าว่า “Robinhood Mart” จะมีผู้ประกอบการและแบรนด์เข้าร่วมกว่า 10,000 ราย มียอดขายบนแพลตฟอร์ม กว่า 500 ล้านบาท มียอดออร์เดอร์เฉลี่ย 4,000 ออร์เดอร์/วัน และมียอดสั่งซื้อต่อออร์เดอร์โดยเฉลี่ย 300 บาท ภายในปี 2566
“ธนา” กล่าวถึงการแข่งขันในตลาดด้วยว่า Mart Service มีผู้เล่นน้อยราย และคู่แข่งเริ่มลดการใช้สงครามราคาลงในหลายส่วน จึงเป็นโอกาสที่จะเข้ามาต่อยอดเพิ่มเติมบริการใหม่ ๆ เพราะไม่ได้เพิ่มต้นทุน เนื่องจากมีไรเดอร์และพาร์ตเนอร์ร้านค้าอยู่แล้ว
“2-3 ปีที่ผ่านมา ตลาดทุนเงินสะพัดมาก แพลตฟอร์มต่าง ๆ เร่งทำตลาดด้วยการอัดเงินจำนวนมาก ลด แลก แจก แถม พร้อมเร่งกระจายพื้นที่บริการให้ครอบคลุมมากที่สุด เพื่อเพิ่มตัวเลขผู้ใช้ เพื่อนำตัวเลขไปโชว์ แต่สถานการณ์ในวันนี้ต่างออกไป นักลงทุนเริ่มกังวลทำให้แพลตฟอร์มต่าง ๆ หันกลับมาคิดถึงการทำกำไร จึงลดเงินอัดฉีดการตลาด เช่น ที่โคราชบ้านผม วัยรุ่นใช้แพลตฟอร์มดีลิเวอรี่กันมาก ใช้ซื้อชาไข่มุกแก้วละ 19 บาทแก้วเดียว เพราะมีโปรโมชั่น 1 บาท ส่งฟรี พอหมดโปรฯก็ไม่มีใครใช้ การตลาดแบบนี้ไม่เมกเซนส์จะอยู่รอดในระยะยาวได้อย่างไร หลังจากนี้การแข่งขันจะเมกเซนส์มากขึ้น เพราะเงินในตลาดทุนหายไปจากภาวะเศรษฐกิจ”
เจาะลูกค้ากลุ่ม “สตาร์บัคส์”
“ธนา” บอกว่า โรบินฮู้ดไม่ได้เล่นเกมนั้นตั้งแต่แรก เพราะรู้ข้อจำกัดเรื่องเงินทุน จึงไม่ต้องการออกไปให้บริการในต่างจังหวัด ส่วนการขยายบริการด้านการท่องเที่ยว ก็ไปในจังหวัดสำคัญ ๆ เช่น เชียงใหม่และภูเก็ต เพราะคนกรุงเทพฯนิยมไป ขณะที่กลุ่มธุรกิจ “มาร์ต” ก็โฟกัสลูกค้ากลุ่ม “สตาร์บัคส์”
“เรื่องกำลังซื้อที่ตกลง ไม่กระทบกับโรบินฮู้ดมาร์ต เพราะกลุ่มลูกค้าที่เราโฟกัสเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อพอสมควร อีกทั้งโมเดลธุรกิจคือขายความสะดวกสบาย แก้ปัญหาให้กับผู้คน เขาไม่ได้ซื้อสินค้า แต่ซื้อความสบาย อีกทั้งเราเองก็ไม่มีต้นทุนในการสต๊อกสินค้า เราได้เห็นตัวอย่างจากแพลตฟอร์มคู่แข่งว่าโมเดลการสต๊อกสินค้า หรือแม้แต่การทำครัวร่วม (คลาวด์คิตเช่น) ก็ไม่สามารถไปต่อได้ อะไรที่มีตัวอย่างให้เห็นแล้วเราก็จะไม่ทำ จะมุ่งโฟกัสแค่การแก้เพนพอยต์”
ฉายภาพกำไรในปีที่ 5
“ธนา” ยังกล่าวถึงอนาคตของ “โรบินฮู้ด” ในมุมมองเขาด้วยว่า ยังไปได้อีกไกล และมีโอกาสทำกำไรได้เช่นเดียวกับคู่แข่งรายอื่น ๆ หลังจากเห็นผลตอบรับจากการทดลองเปิดบริการ Robinhood Mart
“ธุรกิจมาร์ตทำให้โรบินฮู้ดเริ่มเห็นว่ากำไรอาจมาเร็วขึ้น ถ้าโรบินฮู้ดมาร์ตเติบโตได้ตามเป้าหมาย ในปีหน้า 2566 จะเห็นกำไรไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท จะเป็นกลุ่มธุรกิจแรกที่มีกำไร แต่เมื่อหักลบกลบส่วนอื่นแล้ว โรบินฮู้ดจะยังขาดทุนอยู่อีกนาน ช่วงที่ทำฟู้ดและทำการท่องเที่ยว โรงแรมหลายแห่งถามว่าเราไม่เก็บค่า GP จะเอากำไรจากไหน บางรายถึงกับบอกว่าเก็บหน่อยได้ไหม เพราะกลัวเราไปไม่รอด ซึ่งตามแผนที่วางไว้เราจะเริ่มทำกำไรในปีที่ 5 จากกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ฟู้ดดีลิเวอรี่”
อีกกลุ่มบริการของ “โรบินฮู้ด” คือธุรกิจเรียกรถ ซึ่งได้รับใบอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบกแล้ว และคาดว่าภายในไตรมาส 4 ปีนี้จะเปิดบริการ Robinhood Ride แพลตฟอร์มเรียกรถ (Transportation Platform) ซึ่งจะขยายไปสู่บริการรับ-ส่งพัสดุ (Express Service) ที่จะไปเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่าง ๆ เช่น ลาซาด้า เพื่อช่วยส่งของในระยะลาสต์ไมล์
ปูทางสู่โรบินฮู้ด 2.0
อย่างไรก็ตาม “ธนา” บอกว่าสิ่งที่เล่ามาทั้งหมดยังเป็นแค่ โรบินฮู้ด 1.0 เท่านั้น ซึ่งสเต็ปต่อไปเตรียมจะทำอะไรอีกเยอะ โดยเฉพาะการขยายบริการใหม่ ๆ ที่จะทำกำไรได้จริงจัง ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมแผนขออนุมัติบอร์ด SCBX
นั่นคือ การขยายบริการเกี่ยวกับไฟแนนซ์ และธุรกิจเช่ารถอีวี
“อีวีเป็นธุรกิจที่ทุกอุตสาหกรรมกำลังมุ่งไป เราทดลองจับมือกับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เพื่อให้ไรเดอร์เช่าขับส่งของมาแล้ว จึงคิดว่ารถยนต์อีวีที่จะมาในอนาคตเป็นโอกาสสำคัญของเราด้วยเช่นกัน เพราะบริการหลักของเรามีทั้งบริการเรียกรถ และบริการส่งของอยู่แล้ว ถ้าบริษัทแม่สนใจลงทุนในอีวี เราเป็นแพลตฟอร์มอยู่แล้วก็น่าจะได้รับการสนับสนุน แต่ต้องรอดูว่าจะเป็นไปในทิศทางใด จะสนับสนุนทั้งหมด หรือให้เราระดมทุนเอง หรือให้พับโครงการก็เป็นไปได้ทั้งนั้น”