“โนเกีย” Play The Long Game ฟื้น DNA แบรนด์สู้ศึกสมาร์ทโฟน

ภราดร รามบุตร-ปริญญา พงษ์สิน

ยักษ์มือถือโลก “โนเกีย” ที่ในอดีตปรับตัวฝ่ากระแสดิสรัปต์ไม่พ้น จนตกขบวนสมาร์ทโฟน หล่นจากบัลลังก์แชมป์ในสมรภูมิมือถือไปอย่างน่าเสียดายในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา ก่อนที่จะกลับมาใหม่ เมื่อ 6 ปีก่อน โดยสตาร์ตอัพสัญชาติฟินแลนด์ HMD Global (เอชเอ็มดี โกลบอล) ซึ่งปัจจุบันเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ทั้งในการออกแบบ และทำตลาด ทั้งฟีเจอร์โฟน, สมาร์ทโฟน และแท็บเลต ภายใต้แบรนด์ “โนเกีย”

การกลับมาอีกครั้งของ “โนเกีย” นับเป็นจังหวะก้าวที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะหันมาโฟกัสการทำตลาด “ฟีเจอร์โฟน” อย่างจริงจังจนสามารถดันยอดขายทะลุหลักร้อยล้านเครื่องต่อปีได้แล้วยังเลือกที่จะรื้อฟื้นความเป็นแบรนด์ในใจผู้บริโภค ด้วยกลุ่มสินค้ารุ่นใหม่แต่ดีไซน์เรโทร ไม่ว่าจะมือถือปุ่มกดในตำนานอย่าง รุ่น 3310, 8210 หรือ 5710 XpressAudio (รุ่นที่มีฝาหลังสไลด์ได้)

สำหรับตลาดประเทศไทย โนเกียก็จัดเต็มเช่นกัน ด้วยโรดแมปสินค้ากว่า 8 รุ่น เหมาหมดตั้งแต่ระดับล่าง กลาง และบน

ล่าสุดเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ Nokia X30 5G เจาะสายกรีนรักษ์โลกโดยเฉพาะ เพราะผลิตจากวัสดุรีไซเคิลเกือบทั้งหมดตั้งแต่ตัวมือถือไปจนถึงบรรจุภัณฑ์

“ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสพูดคุยกับ “ภราดร รามบุตร” ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ และ “ปริญญา พงษ์สิน” ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ บริษัท เอชเอ็มดี โกลบอล

โฟกัส DNA แบรนด์ทนทาน

“ภราดร” กล่าวว่า ภาพรวมการแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยยังคงรุนแรงต่อเนื่อง สำหรับโนเกียเน้นพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ทุกกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่ระดับล่าง กลาง และบน ซึ่งในเชิงตัวเลขอาจไม่สามารถระบุได้ว่าตั้งเป้าไว้เท่าใด แต่เชื่อว่าสู้กับคู่แข่งได้ในทุกตลาด โดยเน้นไปยัง “ดีเอ็นเอ” ของแบรนด์โนเกีย ที่ให้ความสำคัญกับความแข็งแรงทนทานด้วยวัสดุคุณภาพสูงบนเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยตามมาตรฐานของยุโรป

“ตลาดสมาร์ทโฟนแข่งขันกันอย่างรุนแรง ก็ให้แข่งขันไป สำหรับโนเกีย เราไม่เน้นหวือหวา แบบมาเร็วไปเร็ว หรือชูเรื่องฟีเจอร์มาสู้กับใครมากนัก แต่เน้นไปที่ดีเอ็นเอ คือ ความแข็งแรงทนทานถือเป็นจุดขายจุดแข็งที่สำคัญ เรียกได้ว่าเป็นการหยิบแนวคิด Play the Long Game และคอนเซ็ปต์ Love it. Trust it. Keep it. เพราะเชื่อว่าการสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน ไม่เพียงมีประโยชน์ต่อผู้บริโภค แต่ยังส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม”

“Play the Long Game” ยังครอบคลุมทุกอย่าง ตั้งแต่วัสดุที่ใช้ไปจนถึงงานด้านการให้บริการ เปลี่ยน “ดีเอ็นเอ” ความทนทานแบบเดิมของโนเกียมาเป็นกลยุทธ์ในการทำตลาด

“ไม่ได้หมายความว่าเราแก่ แต่ต้องการบอกว่าเราอยู่มานาน และจะอยู่ไปอีกนาน ทำตัวเองให้มีศักยภาพ มีความเข้มแข็ง เพื่อให้คนใช้บอกต่อ และชื่นชอบ”

“ปริญญา” เสริมว่า โนเกียเป็นแบรนด์อายุกว่า 150 ปี ที่มองเกมระยะยาว ดังนั้นการทำผลิตภัณฑ์ตลอดจนการดูแลลูกค้าจะมุ่งเน้นที่การดูแลในระยะยาว อย่างการดูแลเครื่องและอัพเดตระบบต่อเนื่อง 3 ปี หมายความว่า ลูกค้าจะอยู่กับโนเกียไปนาน 3 ปีซึ่งเป็นระยะเวลาการประกันและการดูแลที่ยาวนาน เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนทั่วไปที่มีช่วงเวลาการดูแลเฉลี่ยที่ 2 ปี

“นอกจากนี้ เรายังมีบริการ Nokia Mobile Care Delivery ที่ลูกค้าสามารถส่งเครื่องมาซ่อมที่ศูนย์ผ่าน EMS ฟรี หรือแจ้งพิกัดให้โนเกียไปรับรับเครื่องมาซ่อมถึงหน้าบ้าน”

เติม“ซอฟต์แวร์” เสริมจุดแข็ง

“ภราดร” กล่าวด้วยว่า ในอดีตนั้น ดีเอ็นเอ โนเกียขึ้นชื่อว่าแข็งแรงทนทาน ใช้งานได้นาน ในเรื่องฮาร์ดแวร์ แต่ปัจจุบันความปลอดภัย และระบบซอฟต์แวร์ที่ต้องรวดเร็ว ปลอดภัย และใช้ได้นานก็สำคัญไม่แพ้กัน โนเกียจึงต้องทำ ทั้งฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ให้สามารถใช้งานได้นานไปพร้อม ๆ กัน

“ตลาดในไทยค่อนข้างไดนามิก มีผู้เล่นหลากหลาย โดยเฉพาะในกลุ่มสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ เราอาจไม่ได้เป็นผู้นำตลาดแต่เน้นนำสินค้าที่ดีมาให้ผู้บริโภคบอกต่อ ทำให้เขารู้สึกว่าใช้โนเกียแล้วใช้ได้นานเหมือนในอดีต คือสิ่งที่เราจะทำกับการทำตลาดในประเทศไทย”

“ปริญญา” เสริมว่า กลุ่มลูกค้าส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มที่ใช้โนเกียอยู่แล้ว อีกส่วนขยายเข้าไปในกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์มักโดนปรามาสเรื่องความปลอดภัยว่าสู้อีกระบบไม่ได้ แต่แอนดรอยด์ของโนเกียใช้มาตรฐานยุโรป และมีการให้คำมั่นสัญญาว่าจะส่งเสริมความปลอดภัยด้วยการใช้แอนดรอยด์ที่เชื่อมต่อกับกูเกิลโดยตรง อีกทั้งยังมีการอัพเดตระบบปฏิบัติการใหม่นาน 3 ปี พร้อมไปกับการอัพเดตระบบความปลอดภัยทุกเดือนนาน 3 ปี

“ฝั่งยุโรปซึมซับเรื่อง privacy มานานพอสมควรแล้ว การอัพเดตระบบอย่างต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งสำคัญ ขณะที่ในประเทศไทยยังต้องใช้เวลา เพราะไม่ใช่แบรนด์มือถือทุกแบรนด์จะอัพเดตระบบบ่อยครั้ง เนื่องจากมีต้นทุนค่อนข้างสูง”

เกาะเทรนด์รักษ์โลก

อีกสิ่งที่โนเกียสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ค่อนข้างดี คือ การที่คนไทยชอบถ่ายรูป และต้องการความทนทานไม่ต้องการเปลี่ยนเครื่องทุกปี นั่นทำให้โนเกีย X30 รุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวนำเทคโนโลยีกล้อง PureView ความละเอียด 50MP พร้อมกระจกนิรภัย Gorilla Glass DX+ จึงทนทานต่อการขีดข่วนทั้งบนหน้าเลนส์ และหน้าจอ ทำให้เป็นกลุ่มสมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์ลูกค้าระดับกลาง

ไม่ใช่เท่านั้น Nokia X30 5G มาพร้อมตัวตนใหม่ที่นอกจากดีไซน์จะเน้นความเรียบหรู ทันสมัยระดับพรีเมี่ยมยังสะท้อนแนวคิดรักษ์โลก ใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยตัวเครื่องเกือบทั้งหมดผลิตจากวัสดุรีไซเคิล ประกอบด้วยเฟรมอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% ฝาหลังตัวเครื่องจากพลาสติกรีไซเคิล 65% กล่องบรรจุภัณฑ์ที่ใช้กระดาษรีไซเคิล 94% ที่ลดขนาดให้เล็กลง เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการขนส่ง ทำให้ผู้บริโภคใช้งานสมาร์ทโฟนได้ยาวนานขึ้น และช่วยลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์

“ภราดร” กล่าวด้วยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจที่ส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคส่งผลกระทบกับตลาดสมาร์ทโฟนด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในกลุ่มระดับกลางถึงล่างทำให้เปลี่ยนมือถือยากขึ้น ซึ่งถือเป็นโอกาสของโนเกีย เพราะผู้บริโภคจะยิ่งให้ความสนใจกับโทรศัพท์มือถือที่มีความคงทน และมีการดูแลบริการต่อเนื่อง