
เปิดสถิติแรงงานหุ่นยนต์-ระบบอัตโนมัติของผู้คนทั่วโลก เกาหลีใต้ครองแชมป์ มีแรงงานใช้งานระบบอัตโนมัติมากที่สุด ขณะที่คนจีนมีปฏิสัมพันธ์กับหุ่นยนต์ในชีวิตประจำวันสูงที่สุดในโลก
Statista ผู้รวบรวมสถิติสำคัญของอุตสาหกรรมทั่วโลกได้เปิดเผยรายงาน “ประเทศที่มีแรงงานหุ่นยนต์หนาแน่นที่สุด” โดย แอนนา เฟล็ค ซึ่งอ้างจากสถิติของ International Federation of Robotics พบว่าประเทศจีนมีอัตราการเติบโตของการใช้แรงงานหุ่นยนต์ในการผลิตสูงสุด จาก 97 ยูนิตต่อหมื่นประชากรแรงงานในปี 2560 เป็น 322 ยูนิตต่อหมื่นประชากรแรงงาน (พนักงาน 10,000 คน)
ผลจากการลงทุนด้านหุ่นยนต์อุตสาหกรรมจำนวนมหาศาลของจีน ทำให้จีนกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มีระบบอัตโนมัติสูงสุดอันดับ 4 ของโลก ภายในช่วงปี 2560-2564 ขณะที่ เกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีความก้าวหน้ามากที่สุดในการแข่งขันสู่ระบบอัตโนมัติทางอุตสาหกรรม โดยสามารถจัดลำดับได้ดังนี้
-
- เกาหลีใต้ จากปี 2564 ที่มี 700 เป็น 1,000 ยูนิตหุ่นยนต์ต่อพนักงาน 10,000 คน
- ญี่ปุ่น จากปี 2564 ที่มี 308 เป็น 399 ยูนิตหุ่นยนต์ต่อพนักงาน 10,000 คน
- เยอรมนี จากปี 2564 ที่มี 322 เป็น 397 ยูนิตหุ่นยนต์ต่อพนักงาน 10,000 คน
- จีน จากปี 2564 ที่มี 97 เป็น 322 ยูนิตหุ่นยนต์ต่อพนักงาน 10,000 คน
- สวีเดน 240 เป็น 321 ยูนิตหุ่นยนต์ต่อพนักงาน 10,000 คน
- สหรัฐอเมริกา 200 เป็น 274 ยูนิตหุ่นยนต์ต่อพนักงาน 10,000 คน
- สวิตเซอร์แลนด์ 129 เป็น 240 ยูนิตหุ่นยนต์ต่อพนักงาน 10,000 คน
- อิตาลี 190 เป็น 217 ยูนิตหุ่นยนต์ต่อพนักงาน 10,000 คน
- แคนาดา 161 เป็น 191 ยูนิตหุ่นยนต์ต่อพนักงาน 10,000 คน
- ฝรั่งเศส 137 เป็น 163 ยูนิตหุ่นยนต์ต่อพนักงาน 10,000 คน
โดยค่าเฉลี่ยของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกจะอยู่ 141 ยูนิตหุ่นยนต์ต่อพนักงาน 10,000 คน
การใช้งานหุ่นยนต์ ระบบอัตโนมัติในชีวิตประจำวัน
จากข้างต้นจะเห็นว่าเป็นการลงทุนในระบบการผลิตที่มีข้อมูลถึงปี 2564 เท่านั้น อีกสถิติหนึ่งที่น่าจะนำมาเทียบกัน คือสถิติที่ชี้ว่าคนทั่วไปมีปฏิสัมพันธ์กับเครื่องจักรหุ่นยนต์ หรือผลิตภัณฑ์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในแต่ละวันมากน้อยเพียงใด หรืออัตราการมี “ปฏิสัมพันธ์” กับหุ่นยนต์ของผู้คนในประเทศต่าง ๆ
ข้อมูลจาก Consumer Insights ของ Statista แสดงให้เห็นว่า ผู้คนราว 25-30% ในหลาย ๆ ประเทศที่พัฒนาแล้วเป็นเจ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านอัจฉริยะ และในจำนวนนั้นเคยใช้บริการ robo-advising ซึ่งเป็นบริการที่ใช้ AI ซึ่งตัดสินใจลงทุนโดยใช้อัลกอริทึ่ม
เมื่อเปรียบเทียบประเทศต่าง ๆ ผู้ตอบแบบสอบถามชาวจีนในเขตเมืองมีแนวโน้มใช้งานหุ่นยนต์ในชีวิตประจำวัน หรือการมีปฏิสัมพันธ์ หรือมีปฏิสัมพันธ์กับหุ่นยนต์ในครัวเรือน หรือหุ่นยนต์ที่ปรึกษามากกว่า ชาวอเมริกัน เยอรมัน ชาวอังกฤษ หรือเกาหลีใต้
ชาวจีน 44% มีประสบการณ์ใช้งานและบริการที่ปรึกษาหุ่นยนต์ โดยร้อยละ 28 เคยใช้บริการดังกล่าวในปี 2565 ที่ผ่านมา และอีก 56% ที่ระบุว่าพวกเขาเป็นเจ้าของเครื่องใช้ในบ้านอัจฉริยะ เช่น หุ่นยนต์ดูดฝุ่น หรือไมโครเวฟอัจฉริยะ
ชาวอเมริกันราว 20% เคยใช้เครื่องมือข้อความที่ใช้ AI ChatGPT ผู้ใหญ่ในสหรัฐประมาณ 10-12% เคยทดลองใช้เครื่องมือ AI ออนไลน์อื่น ๆ ด้วย ขณะที่ชาวเยอรมันเคยใช้งาน 19% และชาวอังกฤษ 16% เคยใช้ ChatGPT ณ เดือนเมษายน 2566
การเทียบสถิติ 5 อันดับแรกจากการรวบรวมสถิติและแบบสอบถาม ได้แก่
- ชาวจีน เคยใช้งานบริการจากหุ่นยนต์ ราว 44% ครอบครองอุปกรณ์-เครื่องใช้อัจฉริยะราว 56%
- ชาวอเมริกัน เคยใช้งานบริการจากหุ่นยนต์ ราว 24% ครอบครองอุปกรณ์-เครื่องใช้อัจฉริยะราว 31%
- ชาวอังกฤษ เคยใช้งานบริการจากหุ่นยนต์ ราว 21% ครอบครองอุปกรณ์-เครื่องใช้อัจฉริยะราว 26%
- ชาวเยอรมัน เคยใช้งานบริการจากหุ่นยนต์ ราว 18% ครอบครองอุปกรณ์-เครื่องใช้อัจฉริยะราว 27%
- ชาวเกาหลีใต้ เคยใช้งานบริการจากหุ่นยนต์ ราว 16-17% ครอบครองอุปกรณ์-เครื่องใช้อัจริยะราว 32%
ข้อมูลจากแบบสอบถาม 2,000-10,000 ตัวอย่าง สำรวจตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2565-มิถุนายน 2566