เปิดแผนพัฒนา AI มูลค่า 36,000 ล้านของ Apple

apple

ยักษ์ “Apple” เตรียมทุ่มงบฯปีละ 3.6 หมื่นล้านบาท พัฒนาฟีเจอร์บนแอปต่าง ๆ ด้วย “AI” พร้อมดึง 3 ผู้บริหารตัวตึงเป็นหัวหอกโปรเจ็กต์

วันที่ 23 ตุลาคม 2566 สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า “แอปเปิล” (Apple) กำลังวางแผนที่จะนำโมเดล AI มาใช้ในการพัฒนาฟีเจอร์ในอุปกรณ์ต่าง ๆ หลังจากบิ๊กเทคมากมายตื่นตัวกับการใช้ AI และยอมทุ่มงบฯมูลค่ามหาศาลเพื่อพัฒนาโมเดล AI ของตนเอง เช่น ไมโครซอฟท์ (Microsoft) และกูเกิล (Google) พัฒนาเสิร์ชเอ็นจิ้นที่มีโมเดล AI เป็นคลังคำตอบขนาดใหญ่ หรือแอมะซอน (Amazon) ก็นำ AI มาใช้ปรับปรุงคุณภาพของ Alexa ผู้ช่วยสั่งการด้วยเสียงไปแล้ว

นายทิม คุก (Tim Cook) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Apple กล่าวว่า Apple ทำงานเกี่ยวกับเทคโนโลยี AI มาหลายปีแล้ว แต่การเติบโตของ AI ในอุตสาหกรรมเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ซึ่งเรากำลังทำงานอย่างหนักเพื่อชดเชยเวลาที่เสียไป

ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า Apple ได้สร้างโมเดล AI ขนาดใหญ่ที่ชื่อโปรเจ็กต์ว่า “Ajax” และทดสอบการทำงานของ “Apple GPT” แชตบอตที่ใช้ภายในองค์กร เพื่อพัฒนาฟังก์ชั่นหรือฟีเจอร์ต่าง ๆ ซึ่งต้องจับตาว่า Apple จะนำไปใช้กับผลิตภัณฑ์ของตนเองอย่างไร

รายงานข่าวระบุว่า นายจอห์น เจียนนันเดรีย (John Giannandrea) และนายเคร็ก เฟเดริกิ (Craig Federighi) รองประธานอาวุโสของ Apple ที่รับผิดชอบด้าน AI และการพัฒนาซอฟต์แวร์ต่าง ๆ เป็นหัวหอกสำคัญในการผลักดันให้เกิดการใช้ AI เพื่อพัฒนาฟีเจอร์มากมาย รวมถึงในทีมยังมีนายเอ็ดดี้ คิว (Eddy Cue) หัวหน้าฝ่ายบริการด้วย โดยทั้ง 3 คนกำลังวางแผนที่จะใช้งบประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี (3.6 หมื่นล้านบาท) ในการดำเนินการดังกล่าว

ซึ่งทีมของนายจอห์นจะดูแลด้านการพัฒนาเทคโนโลยีพื้นฐานสำหรับระบบ AI ใหม่ รวมถึงการปรับปรุงคุณภาพเชิงลึกของ “Siri” ผู้ช่วยสั่งการด้วยเสียงของ Apple ซึ่ง Siri เวอร์ชั่นที่ฉลาดกว่าเดิมอาจพร้อมใช้งานในปีหน้า แต่ก็ยังมีข้อกังวลว่าการนำไปใช้ในอุปกรณ์ต่าง ๆ อาจต้องใช้เวลานานกว่าที่คิด

ในขณะเดียวกันทีมของนายเครกกำลังเพิ่มการใช้ AI ให้กับ iOS เวอร์ชั่นถัดไป ซึ่งทำงานบนโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ที่ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมากเพื่อฝึกฝนความสามารถของ AI รวมถึงปรับปรุงฟีเจอร์ของ Siri และแอปพลิเคชั่น Messages ให้สามารถตอบคำถามและเติมประโยคอัตโนมัติได้

รายงานข่าวระบุด้วยว่า ทีมนักพัฒนาของ Apple กำลังมองหาการบูรณาการ AI ทั่วไปเข้ากับเครื่องมือการพัฒนา เช่น Xcode ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้นักพัฒนาเขียนแอปใหม่ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

ส่วนทีมของนายเอ็ดดี้กำลังผลักดันให้เพิ่มการใช้ AI ในแอปต่าง ๆ ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้เกิดฟีเจอร์ใหม่ ๆ ในการใช้งาน เช่น การสร้างเพลย์ลิสต์อัตโนมัติใน Apple Music, การสร้างชุดสไลด์อัตโนมัติใน Keynote และการพัฒนาแอปบริการลูกค้าสำหรับบริการ AppleCare เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม การนำ AI มาใช้ในการพัฒนาฟีเจอร์ต่าง ๆ คงเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ของ Apple ท่ามกลางการแข่งขันของเหล่าบิ๊กเทคอยู่ไม่น้อย และเป็นสิ่งที่สะท้อนว่า Generative AI จะเป็นศูนย์กลางของการประมวลผลในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้าที่กลุ่มธุรกิจในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีต้องปรับตัวตาม