
“Spotify” ผลประกอบการไตรมาส 3/2566 สดใส รายได้ทะลุ 120,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% ฟันกำไร 1,200 ล้านบาท
วันที่ 25 ตุลาคม 2566 รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2566 ของยักษ์แพลตฟอร์มสตรีมเพลง “สปอติฟาย” (Spotify) เปิดเผยว่า รายได้รวมรายไตรมาสอยู่ที่ 3,357 ล้านยูโร (ประมาณ 120,000 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 11% และมีกำไรจากการดำเนินงาน 32 ล้านยูโร (ประมาณ 1,200 ล้านบาท)
โดยสัดส่วนรายได้ของ Spotify แบ่งเป็น 2 ส่วนดังนี้
- รายได้จากกลุ่มผู้ใช้แพ็กเกจพรีเมี่ยม 2,910 ล้านยูโร (ประมาณ 110,000 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 10%
- รายได้จากกลุ่มผู้ใช้ฟรีที่รับฟังโฆษณา (Ad-Support) 447 ล้านยูโร (ประมาณ 17,000 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 16%
นอกจากนี้ ฐานผู้ใช้ (Monthly Active Users หรือ MAUs) ยังคงเติบโตขึ้นจากเดิม ซึ่งในไตรมาส 3/2566 Spotify มีฐานผู้ใช้รวม 574 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 26% เป็นกลุ่มผู้ใช้แพ็กเกจพรีเมี่ยม 226 ล้านราย และกลุ่มผู้ใช้ฟรีที่รับฟังโฆษณา 361 ล้านราย
รายงานระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตขึ้น มาจากรายได้ของกลุ่มผู้ใช้แพ็กเกจพรีเมี่ยมที่เพิ่มขึ้น รวมถึงบริษัทสามารถควบคุมต้นทุนการดำเนินงานได้เหมาะสมกับรายได้ของบริษัท เช่น การลดค่าใช้จ่ายด้านการตลาด และต้นทุนด้านการจ้างบุคลากร อีกทั้งยังได้รับอานิสงส์จากเทรนด์การฟังพอดแคสต์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ Spotify คาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถสร้างรายได้ในไตรมาส 4/2566 อยู่ที่ 3,700 ล้านยูโร (ประมาณ 140,000 ล้านบาท) มีกำไร 37 ล้านยูโร (ประมาณ 1,400 ล้านบาท) มีฐานผู้ใช้อยู่ที่ 601 ล้านราย และกลุ่มผู้ใช้แพ็กเกจพรีเมี่ยมเพิ่มขึ้นเป็น 235 ล้านราย
ก่อนหน้านี้ Spotify ได้ประกาศปรับขึ้นราคาแพ็กเกจพรีเมี่ยมในช่วงเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งราคาของแต่ละแพ็กเกจในปัจจุบันเป็นดังนี้
- แพ็กเกจแบบ Mini ราคา 7 บาทต่อวัน
- แพ็กเกจแบบ Individual ใช้ได้สูงสุด 1 บัญชี ปรับราคาจาก 129 บาทต่อเดือนเป็น 139 บาทต่อเดือน
- แพ็กเกจแบบ Duo ใช้ได้สูงสุด 2 บัญชี ปรับราคาจาก 169 บาทต่อเดือนเป็น 189 บาทต่อเดือน
- แพ็กเกจแบบ Family ใช้ได้สูงสุด 6 บัญชี ปรับราคาจาก 209 บาทต่อเดือน เป็น 219 บาทต่อเดือน