NTT ยักษ์ใหญ่ดาต้าเซ็นเตอร์มั่นใจหลังเลือกตั้งสถานการณ์จะดีขึ้น ชี้พร้อมเดินหน้าลงทุนเฟสใหม่หลังตั้ง ครม. ได้ ชงการบ้านรัฐบาลใหม่ขอให้สานต่อ “กม.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”
นายมานาบุ คาฮาระ ประธานบริษัท เอ็นทีที คอมมิวนิเคชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ไม่มีความกังวัลในธุรกิจหลังการเลือกตั้ง เพราะ เอ็นทีที ให้บริการตามความต้องการของตลาด
- “ทางรัฐ” ซูเปอร์แอปแห่งชาติ รองรับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
- สหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส ไทย และหลายชาติ ออกแถลงการณ์ร่วม เรียกร้องปล่อยตัวประกันในกาซา
- BITE SIZE : ถอนเงินไม่ใช้บัตร ข้ามแบงก์ได้แล้ว ธนาคารไหนรองรับบ้าง
ทั้ง เอ็นทีที อยู่กับประเทศไทยมา 60 ปี ผ่านมาทั้งสถานการณ์การเมืองที่เปลี่ยนแปลงหรือในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและรุ่งเรือง เชื่อว่าหลังมีการเลือกตั้งสถานการณ์จะดีขึ้น หลังจากมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง การลงทุนจากต่างชาติน่าจะมากขึ้น ที่ผ่านหลายบริษัทมีการระมัดระวังการลงทุนในประเทศที่มีรัฐบาลแบบนี้
สำหรับการลงทุนในศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์จะลงทุนเป็นเฟสตามแผน โดยปีที่ผ่านมาธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์มีการเติบโตราว 20% และตั้งเป้าการเติบโตในปีนี้ 20% ซึ่งหลังมีรัฐบาลใหม่อาจจะทำให้เกิดเฟสใหม่ได้เร็วขึ้น แต่หากมีเหตุการณ์วุ่นวายการลงทุนอาจจะช้าลงเพราะลูกค้าไม่ได้เข้ามาใช้บริการ บริษัทจะลงทุนตามสถานการณ์
นายเกรียงศักดิ์ จรูญศรีสวัสดิ์ รองประธานอาวุโส แผนกธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ บริษัท เอ็นทีที คอมมิวนิเคชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่า นโยบายที่ต้องการให้รัฐบาลใหม่สานต่อเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ. การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่เป็นเหมือนการควบคุมผลกระทบต่อสาธารณะ แต่ยังไม่ไปถึงจุดที่คุ้มครองผู้บริโภครายย่อย ซึ่งตรงนั้นยังไม่ได้ออกมา ถ้ามีกฎหมายออกมาก็สนับสนุนส่วนหนึ่ง เพื่อเก็บข้อมูลของคนไทยให้อยู่ในประเทศ
“ที่ผ่านมาบริษัทต่างชาติอย่าง เฟซบุ๊ก กูเกิล อยู่นอกประเทศ หารายได้จากคนไทยและไม่ได้จ่ายภาษี หากภาครัฐมีนโยบายเก็บข้อมูลภายในประเทศ จะทำให้บริษัทต่างชาติเข้ามาในประเทศ รัฐบาลสามารถเก็บภาษีจากบริษัทเหล่านั้นนำรายได้เข้าประเทศ อีกทั้งจะส่งเสริมให้หลายบริษัทมองหาผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ที่ไว้วางใจได้ ทำให้ธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์มีดีมานต์เกิดขึ้น”