ตลาดองค์กรหนุนไอทีสะพัด เงินบาทแข็งกระตุ้นยอดซื้อ

เดลล์มั่นใจตลาดไทยโตใกล้เคียงตลาดโลกที่เติบโต 14% อานิสงส์ พ.ร.บ.ไซเบอร์ หนุนองค์กรลงทุนไอที เชื่อครึ่งปีหลังยิ่งคึกคัก ด้านตลาดพีซีโน้ตบุ๊กโตด้านเม็ดเงิน ชี้เกมมิ่งช่วยกระตุ้นตลาด เผยค่าเงินบาทแข็งช่วยกระตุ้นผู้บริโภคตัดสินใจซื้อ

นายอโณทัย เวทยากร รองประธานบริหาร ตลาดเกิดใหม่ภูมิภาคเอเชียและธุรกิจคอนซูเมอร์ เอเชียใต้ เดลล์ เทคโนโลยีส์ เปิดเผยว่า ในปี 2561 เดลล์ทั่วโลกมีรายได้ 91,300 ล้านเหรียญสหรัฐ โตขึ้น 14% โดยกลุ่มพีซีโน้ตบุ๊กโต 10% และมีมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดับ 1 เซิร์ฟเวอร์เติบโต 28% สตอเรจเติบโต 10% ส่วนในไทยเปิดเผยตัวเลขไม่ได้ แต่ใกล้เคียงกับตลาดทั่วโลก

ปัจจัยที่ส่งผลให้เติบโต มาจากยุทธศาสตร์ชัดเจนในการทรานส์ฟอร์เมชั่นทั้ง 4 ด้าน 1.แอปทรานส์ฟอร์ม 2.ไอทีทรานส์ฟอร์ม 3.เวิร์กฟอร์ซทรานส์ฟอร์ม และ 4.ซีเคียวริตี้ทรานส์ฟอร์ม รวมถึงการร่วมกับ 7 บริษัทลูก รุกตลาดเอ็นเตอร์ไพรส์ได้มากขึ้น ทั้งยังมี “เดลล์ เทคโนโลยีพาร์ตเนอร์โปรแกรม” ให้พาร์ตเนอร์ซื้อสินค้ากับเดลล์หรือบริษัทลูกได้ง่ายขึ้น ทำให้มีลูกค้าครบทุกกลุ่มตั้งแต่ SMEs องค์กรใหญ่ จนถึงองค์กรภาครัฐ และคาดว่าในครึ่งปีหลังนี้ การลงทุนด้านไอทีของภาคองค์กรยิ่งคึกคัก

“ปัจจัยบวกของตลาดไทยในฝั่งคอมเมอร์เชียลมีจากสถานการณ์การเมืองที่นิ่ง รวมทั้งมี พ.ร.บ.ไซเบอร์ที่ออกมา ทำให้องค์กรตื่นตัว ทั้งการซื้อฮาร์ดแวร์ใหม่ ๆ ซึ่งไม่ได้ซื้อเน้นที่จำนวนเพื่อให้ได้ราคาที่ถูกเหมือนที่ผ่านมา แต่เน้นใช้งานตามยูสเซอร์เบส เช่น งานออกแบบที่ขายได้ดีขึ้น รวมทั้งมีการลงทุนในโซลูชั่นและซีเคียวริตี้เพิ่มด้วย”

ขณะที่ตลาดคอนซูเมอร์ภาพค่อนข้างทรงตัวในด้านจำนวนเครื่อง เพราะตลาดไทยไม่ใช่ตลาดซื้อเครื่องแรกอีกแล้ว ทำให้เกิดการเติบโตในแง่มูลค่าตลาด โดยผู้บริโภคมุ่งไปที่กลุ่มสินค้าระดับราคากลาง-บน ราคา 20,000 บาทชึ้นไป จึงทำให้ราคาเฉลี่ยต่อเครื่องสูงขึ้น โดยเฉพาะเกมมิ่งและเครื่องที่มีประสิทธิภาพสูงเป็นแรงผลักดันสำคัญ ซึ่งตรงกับกลยุทธ์ของเดลล์ที่เน้นทำตลาดกลุ่มกลาง-บนและแม้ว่าขณะนี้ค่าเงินบาทจะแข็ง แต่มองว่าไม่กระทบตลาดไอทีมากนัก เพราะผู้ประกอบการส่วนใหญ่นำเข้ามาเอง จึงมีราคาค่อนข้างคงที่ ไม่กระทบกับผู้บริโภค แต่ในประเทศอื่น อาทิ บังกลาเทศ ศรีลังกา ปากีสถาน ที่มีพาร์ตเนอร์เป็นคนนำเข้าก็จะได้รับผลกระทบ

“สินค้าพีซีโน้ตบุ๊กน่าจะขายดี เพราะบาทแข็ง ผู้บริโภคจะคิดว่าสินค้าราคาถูกลง เป็นการส่งผลในแง่จิตวิทยา แต่ภาพใหญ่อย่างการส่งออกของไทย อาจจะกระทบ เพราะปัญหาเรื่องสงครามการค้าจีน-สหรัฐ ที่การนำเข้าของ 2 ประเทศนี้น่าจะชะลอตัว”