“อมิตี้” ดันโซเชียลคลาวด์ปักหมุดตลาดโลก

อมิตี้ โซเชียลคลาวด์

โควิดดันองค์กรสนใจโซเชียลคลาวด์เพิ่ม 5 เท่า “อมิตี้” รับอานิสงส์ยอดขายพุ่ง 300% ลุยเจาะตลาดอินเตอร์ “จีน-ยุโรป-อเมริกา” หวังขึ้นแท่นผู้นำคลาวด์โซลูชั่นโฟกัสนิชมาร์เก็ต

นายกรวัฒน์ เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมตี้ (Amity) ผู้ให้บริการโซลูชั่นด้านการสื่อสารสำหรับองค์กรกล่าวว่า โควิด-19 ทำให้องค์กรทั่วโลกต้องปรับเข้าสู่ดิจิทัล

เริ่มสร้างแอปพลิเคชั่นที่สามารถติดต่อกับลูกค้าได้โดยตรง และต้องการนำฟีเจอร์ด้านโซเชียลมีเดีย เช่น ฟีด แชต และวิดีโอสตรีมมิ่ง เข้ามาเติมไว้ในแอปพลิเคชั่นเพิ่มขึ้น 5 เท่า

จึงขยับมาลงทุนโซเชียลคลาวด์มากขึ้น โดยในปีที่ผ่านมาได้เข้าไปซื้อกิจการแชตบอต “คอนโวแล็ป” เพื่อนำมาต่อยอดโซลูชั่นด้านการสื่อสารและโซเชียลสำหรับองค์กรให้ครบวงจรมากขึ้น

พร้อมทั้งเปิดตัวโซลูชั่น “Amity Social Cloud” บริการแชต แชตบอต วิดีโอสตรีมมิ่ง และฟีเจอร์โซเชียล เช่น ฟีดและกรุ๊ปผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นขององค์กร ทำให้ยอดขายเติบโตขึ้นมากกว่า 300%

และมีผู้ใช้งานรายเดือนมากถึง 10 ล้านคน จากปีก่อนหน้านี้ราว 2 ล้านคน สำหรับกลุ่มลูกค้าของบริษัทมีตั้งแต่องค์กรในระดับ SMEs ไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ อาทิ แอร์เอเชีย, ยูนิลีเวอร์ฯ, ซับเวย์, เคแบงก์ และทรูไอดีส่วนลูกค้าในตลาดต่างประเทศจะเป็นกลุ่มเฮลท์และฟิตเนสเป็นหลัก

นายกรวัฒน์กล่าวถึงจุดแข็งบริการของบริษัทว่าอยู่ที่ความแตกต่าง เพราะในตลาดยังไม่มีผู้เล่นรายใดพัฒนาโซลูชั่น social as a service ให้แอปพลิเคชั่นกลายเป็นคอมมิวนิตี้ที่สมบูรณ์เหมือนกับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ทำให้ความท้าทายอยู่ที่ความต้องพัฒนาเทคโนโลยีต่อเนื่อง

ซึ่งต้องใช้บุคลากรด้านไอทีและงบประมาณจำนวนมาก เช่น ปีที่ผ่านมาใช้เงินกับการวิจัยและพัฒนา (R&D) 7-8 ล้านเหรียญสหรัฐ มีวิศวกรในการพัฒนาระบบมากกว่า 80 คน และบริหารจัดการข้อความมากกว่า 3,000 ข้อความต่อวัน ปัจจุบันเป็นองค์กรที่มีทีมงานมากกว่า 30 สัญชาติ มีสำนักงาน 5 แห่งทั่วโลก

ได้แก่ ในประเทศไทย, อังกฤษ, สหรัฐอเมริกา, อิตาลี และเนเธอร์แลนด์ แม้มีปัญหาเรื่องการสื่อสารอยู่บ้างเพราะพนักงานบางคนไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้

แต่ได้พยายามสร้างองค์กรให้เปิดกว้างและเน้นให้พนักงานทุกคนสามารถปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมที่หลากหลายได้ พร้อมไปกับนำกลยุทธ์การตลาดที่เรียกว่า “inbound marketing” มาปรับใช้ด้วยการจ้างพนักงานระดับโลคอลที่พูดภาษาเดียวกัน เพื่อให้ง่ายต่อการประสานงาน

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจ ได้วางเป้าหมายในการป็นผู้นำด้าน software as a service (SaaS) ให้เร็วที่สุด โดยจะทุ่มงบประมาณไปในด้านการตลาดเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นดิจิทัลแพลตฟอร์มมากขึ้น

ซึ่งโมเดลการขยายธุรกิจจะพยายามเดินตามรอยบริษัทคลาวด์รุ่นพี่อย่างอเมซอน โดยเป้าหมายสูงสุดคือการพัฒนาโซลูชั่นให้ฉลาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แสดงผลคอนเทนต์ได้ตรงตามความต้องการของลูกค้ามากที่สุด และช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กรได้

นายกรวัฒน์กล่าวต่อว่า โซเชียลคลาวด์ยังเป็นเรื่องใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยขนาดตลาดที่ยังเล็ก และต้องใช้งบประมาณในการพัฒนาเทคโนโลยี ทำให้เป็นบริษัทไม่กี่รายในภูมิภาคนี้ และมุ่งเจาะตลาดใหญ่นอกภูมิภาค เช่น จีน ยุโรป และสหรัฐอเมริกา ซึ่งคู่แข่งตัวจริงของอมิตี้เป็นผู้เล่นระดับโลก

“ธุรกิจซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร แม้สร้างกำไรได้มาก แต่ก็ไม่ง่ายที่จะทำกำไรได้ เพราะตลาดไทยและอาเซียนใหญ่ไม่พอ ส่วนในตลาดระดับโลกก็ต้องแข่งขันกับผู้เล่นรายใหญ่ที่มีส่วนแบ่งมากกว่า 90% ดังนั้น การจะยืนในตลาดโลกได้จึงต้องโฟกัสโซลูชั่นที่ยังไม่มีคนทำ ทำได้ไม่ดี หรือเจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม”