เปิด 5 เทรนด์ขับเคลื่อนองค์กรหลังโควิด AI มีผลต่อองค์กรเพิ่มขึ้น

ออราเคิลเปิด 5 เทรนด์ขับเคลื่อนองค์กรหลังโควิด ย้ำ AI-Machine Learning มีบทบาทต่อการปรับตัวองค์กรมากขึ้น เน้นเทคโนโลยีที่ยั่งยืน ลดปัญหาโลกร้อน

วันที่ 18 มกราคม 2565 นายทวีศักดิ์ แสงทอง กรรมการผู้จัดการ ออราเคิล คอร์ปอเรชัน ประเทศไทย กล่าวว่า โควิดทำให้หลายองค์กรมีการปรับตัวเข้าสู่ดิจิทัล หากองค์กรต้องการขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยี มี 5 แนวโน้มสำคัญที่จะทำให้ภาคธุรกิจประสบความสำเร็จ ดังนี้

• องค์กรต้องมีการเปลี่ยนแปลงการลงทุนกับระบบคลาวด์อย่างจริงจัง

การเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบคลาวด์ รวมถึงเทคโนโลยีอัตโนมัติ มีความสำคัญต่อองค์กรในปัจจุบัน จากข้อมูลสถิติของ Statista พบว่า ทั่วโลกจะใช้จ่ายเงินจำนวนมากไปกับเทคโนโลยีคลาวด์และแผนการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบดิจิทัล เนื่องจากระบบคลาวด์จะช่วยให้อิสระในการทำงานของบุคลากรภายในองค์กร นอกจากนี้ระบบคลาวด์ยังช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในส่วนการจัดการธุรกิจ เนื่องจากการจัดการข้อมูลต่าง ๆ ของระบบคลาวด์ มีประมวลผลผ่านระบบเอไอและแมชีนเลิร์นนิ่งรูปแบบใหม่ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสั่งงานได้สะดวกและรวดเร็ว สร้างการเปลี่ยนแปลงสู่ธุรกิจขององค์กร

• AI และ Machine Learning มีส่วนช่วยองค์กรมีประสิทธิภาพ

ปัจจุบันโลกมีการปรับตัวเข้าสู้ดิจิทัลมากขึ้น ส่งผลให้องค์กรส่วนใหญ่มีปริมาณฐานข้อมูลเพิ่มขึ้น ดังนั้น AI และ Machine Learning ถือเป็นเครื่องมือสำคัญ ช่วยให้องค์กรสามารถวิเคราะห์และเรียนรู้จากข้อมูลได้ถูกต้องและรวดเร็ว ซึ่งองค์กรควรศึกษาและนำระบบของ AI และ Machine Learning มาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับองค์กรมากที่สุด

• ใส่ใจมาตรฐานด้านความยั่งยืนภายในองค์กร

ปัจจุบันกลุ่มลูกค้ามีการหันมาสนใจเรื่องผลิตภัณฑ์ หรือ เทคโนโลยีที่ยั่งยืนมากขึ้น เนื่องจากปัญหาภาวะโลกร้อน โดยธุรกิจต่าง ๆ ต้องวางแผนและดำเนินกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนอย่างครอบคลุม ซึ่งถือเป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับองค์กร โดยเฉพาะองค์กรในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกที่ในหลายประเทศมีการเข้มงวดเรื่องของการลดมลภาวะ

• นายจ้างหรือฝ่ายบุคคลขององค์กรจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาสายอาชีพ รวมถึงการรับสมัครพนักงาน ท่ามกลางการแพร่ระบาดโควิด

การแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลต่อรูปแบบการทำงานภายในองค์กร ซึ่งหลายองค์กรมีการปรับรูปแบบการทำงานมาเป็นออนไลน์มากขึ้น พนักงานใหม่เป็นกลุ่มหนึ่งที่ต้องเผชิญกับการปรับตัวนี้ เนื่องจากปัญหาการสร้างเครือข่ายและวัฒนธรรมภายในองค์กร ซึ่งอาจก่อให้เกิด “การลาออกครั้งใหญ่ (Great Resignation) ดังนั้นบริษัทจำเป็นต้องกระตือรือร้นมากขึ้น ในการวางแผนโครงข่ายงานให้กับพนักงานเก่า และรับฟังความคิดเห็นทั้งพนักงานเก่าและพนักงานใหม่ในเรื่องสมดุลระหว่างงานและการใช้ชีวิต ความยืดหยุ่นของสถานที่ทำงาน รวมถึงเรื่องอื่น ๆ ผ่านการพูดคุย สื่อสารในระบบออนไลน์ มากขึ้น

• การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในซัพพลายเชนจะเป็น “Never Normal”

เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดที่เกิดขึ้น “Never Normal” เช่น การแพร่ระบาดโควิด-19 ในปัจจุบัน ส่งผลรูปแบบพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงจากการซื้อหน้าร้านมาเป็นระบบออนไลน์มากขึ้น บริษัทต่างๆ จึงต้องตระหนักและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ ดังนั้นหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด “Never Normal”ขึ้นอีก องค์กรต้องประเมินและลำดับความสำคัญในการทำงาน รวมถึงการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการ เช่น ระบบคลาวด์ หรือ ระบบการจัดการซัพพลายเชน (Supply Chain Management) เพื่อที่จะสามารถรับมือเหตุการณ์เหล่านี้ได้