รถยนต์ไฟฟ้า โอกาสใหม่ที่มาเร็วกว่าที่คิด

คอลัมน์ : Pawoot.com
ผู้เขียน : ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ

ปกติผมใช้รถปลั๊ก-อิน ไฮบริดอยู่แล้ว เป็นรถที่เติมน้ำมันได้ และมีแบตเตอรี่ในตัว แต่วิ่งได้ประมาณ 40 กม. คือใช้ได้สองโหมด ถ้าขับวนอยู่แถวบ้านไปไม่ไกลมาก เดือนหนึ่งแทบไม่ต้องเติมน้ำมันเลยนะ

บังเอิญผมมีโอกาสได้เทสต์รถไฟฟ้าของค่ายจีน ORA ของ Great Wall Motor ซึ่งถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ได้ทดลองขับรถที่เป็นรถไฟฟ้าจริง ๆ

รถที่ผมขับชาร์จหนึ่งครั้งวิ่งได้ประมาณ 400 กม. ตามความสามารถของมัน ผมเคยนั่งแท็กซี่ที่ฮ่องกง ซึ่งส่วนใหญ่เป็น Tesla เพราะประหยัดมากกว่า

ในฐานะคนนั่งข้างหลังก็ไม่ได้รู้สึกหรูหรามากนัก แต่ในเชิงของคนขับ เรื่องเทคโนโลยีนั้นเต็มเม็ดเต็มหน่วยมาก ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าช่วงหลัง ๆ เดินตามทาง Tesla มาแทบทั้งนั้น อย่างที่ผมได้ทดลองหน้าจอใหญ่มาก

เท่าที่ได้ทดลองคือ รถไฟฟ้าไม่มีเกียร์ จุดเด่นของรถไฟฟ้าในแง่ของชิ้นส่วนเมื่อเปรียบเทียบกับรถน้ำมันที่ใช้การสันดาปภายใน ซึ่งจะมีการสร้างมลพิษขึ้นมา เมื่อพูดถึงอะไหล่หรือเครื่องยนต์ รถน้ำมันจะมีมากมายเต็มไปหมด มีชิ้นส่วนที่ต้องขยับไปมาเกือบ 2,000 ชิ้น

ในขณะที่รถไฟฟ้ามีแค่ 18 ชิ้นเท่านั้นที่เป็น moving parts หรือมีการขยับไปมา เพราะมีแค่มอเตอร์ที่ทำให้ล้อหมุนเท่านั้น ฉะนั้นในแง่ของการดูแลรถยนต์ไฟฟ้าต้นทุนจะต่ำกว่าเยอะ

เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้รถไฟฟ้า ค่าน้ำมันถูกกว่าเยอะมาก จากข้อมูลเมื่อเปรียบเทียบรถที่ใช้น้ำมันเบนซิน รถไฮบริด และรถที่เป็น EV อัตราสิ้นเปลืองต่างกันมาก เพราะรถยนต์ไฟฟ้าขับไป กม.ละ 0.50-1 บาท และน้ำมัน กม.ละเกือบ ๆ 2 บาท เมื่อใช้เงิน 100 บาท รถน้ำมันเบนซินวิ่งได้ 50 กม. ขณะที่รถไฟฟ้าวิ่งได้เกือบ 100 กว่า กม.

ในแง่ของการดูแลรักษา รถไฟฟ้าก็ดูแลรักษาได้ง่ายกว่า จากประสบการณ์ของผม คือเมื่อมาถึงบ้านก็เอาแท่นชาร์จเสียบเข้าไปในรถ ยิ่งบ้านผมติดโซลาร์รูฟเติมที่รถได้เลยจึงประหยัดมาก เรียกว่าแทบไม่ได้ใช้น้ำมันเลย

การชาร์จรถมีหลายรูปแบบ ถ้าที่บ้านเป็นไฟแบบ 3 เฟส กำลังไฟฟ้ามาเต็ม ทำให้การชาร์จรถไฟฟ้าเร็วขึ้นไม่กี่ ชม. แต่ถ้าที่บ้านเป็นไฟเฟสเดียวเวลาในการชาร์จอาจใช้เวลานานหน่อย

แต่ถ้าอยู่คอนโดฯแทบจะหมดสิทธิ์เพราะที่จอดไม่มีปลั๊ก คอนโดฯไม่มีที่ชาร์จ ยกเว้นคอนโดฯรุ่นใหม่ ๆ จะมี แต่ก็มีไม่กี่ที่ไม่น่าจะสะดวกเท่าไหร่ รถไฟฟ้าจึงน่าจะเหมาะกับคนที่อยู่บ้านมากกว่า

ตอนนี้ราคารถไฟฟ้าลงมามาก และภาครัฐก็มีมาตรการลดภาษี ทำให้ตัวเลขในการจองรถไฟฟ้าในงานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมาถึงสามพันกว่าคัน ถือว่าเยอะมาก และราคาไม่ถึงล้าน

ล่าสุดทางเบนซ์มีการทำรถตัวอย่างรุ่นพิเศษที่มีการใส่แบตเตอรี่พิเศษชาร์จหนึ่งครั้งขับได้ถึงประมาณ 600 กม. จากกรุงเทพฯไปเชียงใหม่โดยไม่ต้องชาร์จ เดี๋ยวนี้แท่นชาร์จต่าง ๆ เริ่มมีมากขึ้นแล้ว ต่างจังหวัดก็เริ่มมีแท่นชาร์จ เช่น กฟภ. หรือตามปั๊มน้ำมัน รวมถึงผู้ให้บริการชาร์จรถไฟฟ้ากระจายอยู่หลาย ๆ ที่

คิดว่าใน 1-2 ปีนี้ คงจะเห็นสถานที่ชาร์จรถไฟฟ้ามากขึ้น รวมถึงผู้ให้บริการสถานีเติมน้ำมันหลายค่ายก็เริ่มติดตั้งระบบชาร์จรถไฟฟ้ามากขึ้นแล้ว

นี่คือโอกาสใหม่ และเชื่อว่ารถไฟฟ้าจะมาเร็วกว่าที่เราคิดกันไว้เยอะเลยบนท้องถนนเริ่มมีมากขึ้นใครที่มีบ้าน และเดินทางไม่เกิน 100-200 กม. ผมแนะนำว่ารถไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่ดีมาก หากบ้านคุณติดตั้งโซลาร์รูฟหรือแผงโซลาร์บนหลังคา บอกเลยว่ายิ่งประหยัดมาก

น่าลองดู ตอนนี้มีรถยนต์ไฟฟ้าให้เลือกถึง 17 รุ่นแล้วในประเทศไทย ส่วนใหญ่มาจากจีน เช่น ของ Great Wall Motor หรือ MG สองเจ้านี้ขายดีมาก Nissan เองก็มี Nissan Leaf ใครต้องการรถหรูหน่อย MINI ก็มี หรือจะเป็น Volvo, BMW, Audi หรือขึ้นไปถึงระดับ Porsche, Jaguar ก็มีหมดแล้ว ถือว่าในเมืองไทยมีตัวเลือกรถไฟฟ้าค่อนข้างเยอะ ใครที่อยากลองดูบอกได้เลยว่าเป็นตัวเลือกที่ดีมากครับ