Celsius อาจไม่ใช่แพลตฟอร์มคริปโตแห่งสุดท้ายที่จะล้มละลาย

เงินดิจิทัล
phto : pixabay

Celsius ประกาศล้มละลายแล้ว นักวิเคราะห์ชี้ลูกค้าจะไม่ได้สินทรัพย์คืนในเร็ววัน และจะไม่ใช่ที่สุดท้ายที่จะล้มละลาย ด้านท็อป จิรายุส เตือนผู้ถือคริปโตที่ฝากไว้ในที่เสี่ยงหาที่เก็บที่ปลอดภัย

วันที่ 14 กรกฎาคม 2565 ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า แพลตฟอร์มกู้ยืมคริปโตเคอร์เรนซีเจ้าใหญ่ “Celsius Network” ได้ยื่นขอฟื้นฟูต่อศาลล้มละลายนิวยอร์กแล้ว (Chapter 11 bankruptcy protection) โดยกล่าวว่าบริษัทมีเงินสด 167 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับดำเนินกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้และคืนเงินให้ลูกค้า 1.7 ล้านราย

Celsius เป็นแพลตฟอร์มตัวกลางให้ผู้ต้องการกู้เงินและผู้ต้องการให้กู้มาเจอกัน โดยผู้ให้กู้จะนำสินทรัพย์ดิจิทัลของตนมาฝากไว้เพื่อปล่อยกู้ ในขณะที่ผู้กู้จะต้องนำหลักทรัพย์ดิจิทัลมาค้ำเพื่อขอกู้

แพลตฟอร์มดังกล่าวเคยให้สินเชื่อแก่ลูกค้ามากกว่า 8 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารเกือบ 12 พันล้านเหรียญสหรัฐ ณ เดือน พ.ค. ในเดือน มิ.ย. Celsius มีลูกค้าหรือผู้ใช้งานกว่า 1.7 ล้านคน ซึ่งแข่งขันเสนอผลตอบแทนการให้กู้คริปโต ลูกค้าที่นำสินทรัพย์ดิจิทัลมาฝากไว้อาจได้ดอกเบี้ยตอบแทนสูงถึง 17%

ผู้กู้จะจ่ายดอกเบี้ยเหล่านี้แก่ผู้ฝากรวมถึงจ่ายให้ Celsius ซึ่งการกู้ยืมในช่วงแรกไม่ประสบปัญหาเพราะผู้กู้สามารถกู้เงินไปลงทุน เทรดคริปโต หรือทำฟาร์มคริปโต (Crypto Yield Farming) ที่ได้ผลตอบแทนสูงมาหมุนเวียนใช้จ่าย แต่เมื่อราคาคริปโตร่วงหล่นลงต่อเนื่อง ส่งผลให้หลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้อย่างบิตคอยน์และอีเทอเรียมถูกบังคับเทขายอย่างหนักเพื่อชดใช้หนี้

อีกทั้งวิกฤตใหญ่ คือ การล่มสลายของ LUNA และโทเค็น UST ที่ Celsius เข้าไปพัวพันทั้งการปล่อยกู้ ถือ UST เป็นทุนสำรอง และอาจรวมถึงการลงทุนใน LUNA เอง อีกทั้งหลักประกันในแพลตฟอร์ม DeFi อื่นที่ Celsius ได้ไปกู้มาอีกทอดหนึ่งก็ราคาร่วงจนใกล้ถึงจุดบังคับขาย ส่วนนี้ทำให้เกิดวิกฤตสภาพคล่องจนต้องเทขายสินทรัพย์ดิจิทัลจำนวนมาก

แม้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Celsius จะได้ชำระหนี้บนแพลตฟอร์ม DeFi รายใหญ่ ได้แก่ Aave, Compound, และ MakerDAO ไปรวมกันแล้วกว่า 800 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่แล้ววันที่ 13 ก.ค.ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐก็ได้ยื่นล้มละลายอย่างเป็นทางการต่อศาลนิวยอร์กตามรอยกองทุน Three Arrow Capital และ Voyager Digital ที่ยื่นล้มละลายสัปดาห์ที่แล้วจากวิกฤตลักษณะเดียวกันกับ Celsius

สำนักข่าว CNBC รายงานว่า ขณะนี้หน่วยงานด้านการกำกับดูแลใน 6 รัฐ ได้เริ่มตรวจสอบ Celsius ต่อกรณีการล้มเหลวในการป้องกันความเสี่ยง ปั่นราคาเหรียญดิจิทัลของตัวเองเกินจริง และมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เป็นการฉ้อโกง รวมถึงกรณีการระงับการถอนเงินของลูกค้าอย่างไม่โปร่งใสเมื่อเดือนที่ผ่านมา (ขณะนี้ผู้ใช้งานยังไม่สามารถถอนได้)

ความคิดเห็นของศาสตราจารย์อดัม เลวิติน นักกฎหมายและประธานของบริษัทที่ปรึกษา Gordian Crypto Advisor กล่าวว่า ลูกค้าของ Celsius อาจต้องรอหลายปีกว่าจะได้เงินของพวกเขาคืน และอาจได้รับเงินเป็นเงินดอลลาร์ไม่ใช่สินทรัพย์ดิจิทัล ลูกค้าที่เข้าเงินฝากหรือปล่อยกู้แบบให้ผลตอบแทนสูงใน Celsius อาจถูกมองว่าเป็นเจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกันในสายตาของศาล

เขากล่าวเสริมว่า “Celsius จะไม่ใช่บริษัทที่เกี่ยวกับคริปโตแห่งสุดท้ายที่จะล้มละลาย กระแสน้ำยังคงตีวงแผ่ออกไป เราแค่รอดูว่ามันจะไปได้ไกลแค่ไหน”

กรณีการล้มละลายของ Celsius ได้ส่งเสียงเตือนผู้ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลที่กำลังฝากเงินไว้ในแพลตฟอร์มที่ให้ผลตอบแทนสูง หรือพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัยที่มีอีกมากในโลกคริปโต ประกอบกับเสียงเตือนหลายแห่งที่กล่าวว่า Celsius จะไม่ใช่ที่สุดท้ายที่ล้มละลาย กูรูสินทรัพย์ดิจิทัลคนไทยอย่างนายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ได้ออกโรงเตือนผ่านบัญชีเฟซบุ๊กว่า
“Celsius ยื่นล้มละลายอย่างเป็นทางการแล้วครับ ใครที่เก็บเหรียญในที่ที่ให้ดอกเบี้ยสูง ๆ แนะนำให้ถอนออกมาเก็บในที่ปลอดภัยด่วนครับ ระวังด้วยนะครับทุกคน”