The Merge Ethereum และ ข้อควรระวัง

อีเธอเรียม

นักพัฒนาอีเธอเรียม เผย “เดอะเมิร์ช” เหลือเครือข่ายทดสอบแค่แห่งเดียว ด้านนักวิเคราะห์ชี้โครงสร้างอีเธอเรียมหลังเมิร์ชยั่งยืนกว่าบิตคอยน์ เตือนผู้ถือเหรียญและผู้ใช้งานระวังการหลอกลวงโทเคน ชี้ ETH2 ไม่มีจริง

วันที่ 12 กรกฎาคม 2565 ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า นายทิม ไบโก หัวหน้านักพัฒนาบล็อกเชนอีเธอเรียมได้ประกาศความเคลื่อนไหวล่าสุดของการอัพเกรดอีเธอเรียม หรือ “เดอะเมิร์ช” (The Merge Ethereum) เมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ได้ผ่านการทดสอบบนเครือข่าย Sepolia Testnet แล้ว เหลือเพียงการทดสอบบนเครือข่าย Goerli Testnet หากไม่พบปัญหาก็จะสามารถทำ “เดอะเมิร์ช” บนเครือข่ายหลักได้ (Ethereum Mainnet)

The Merge Ethereum ก่อนหน้านี้นิยมเรียก Ethereum2.0 เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงระบบ “ฉันทามติ” จาก “proof of work” เป็น “Proof of stake”

ตั้งแต่ 2015 อีเธอเรียมใช้ต้นแบบฉันทามติ PoW จากเครือข่ายบิตคอยน์ เพื่อให้คอมพิวเตอร์ส่งแรงคำนวนเพื่อช่วยกันยืนยัน (Validator) การมีอยู่ของข้อมูลหรือธุรกรรมบนบล็อกเชน และใช้พลังการคำนวนเพื่อส่งแรงขุดในการสร้างบล็อกใหม่เพื่อบันทึกธุรกรรม ซึ่งกระบวนการนี้ใช้พลังงานสูงไม่รองรับธุรกรรมที่หลากหลาย เพราะอีเธอเรียมได้สร้าง “สมาร์ทคอนแทร็ค” ที่ให้กำเนิดแอปพลิเคชั่นและโทเคนต่าง ๆ มากมายทำให้การทำธุรกรรมแออัด

ต่อมาในปี 2020 ได้สร้าง “Beacon chain” ทำงานคู่ขนานกับ Ethereum Mainnet เพื่อเริ่มการเปลี่ยนฉันทามติจากการ ฝาก (Stake) เหรียญ ETH บน Beacon chain เพื่อเริ่มเป็นผู้ยืนยันธุรกรรมโดยใช้พลังการถือครองเหรียญช่วยคำนวนไม่ใช่พลังงานไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ ทำให้ในที่สุดแล้วเหมืองขุดอิเธอเรียมจะไม่สามารถยืนยันธุรกรรมและขุดบล็อกใหม่ได้อีก

การฝาก ETH บน Beacon chain เป็นที่มาของคำว่า อีเธอเรียม 2.0 คือ นี่เอง หลังจากการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเป้าหมายสุดท้ายคือการทำระบบฉันทามติ PoS บน Beacon chain (ETH2.0) มารวมเข้ากับเครือข่ายหลัก (ETH1.0) จึงเป็นที่มาของคำว่า “The Merge Ethereum”

ด้านนายวิเวค รามัน นักวิจัย Defi ได้ให้ความเห็นโครงสร้างทางเศรษฐศาสตร์หลังเกิด เดอะเมิร์ช ผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว เมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่า “เดอะเมิร์ช” เป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์คริปโตเคอร์เรนซี

ประเด็นสำคัญที่นายวิเวค ยกมาส่วนหนึ่ง คือชี้ว่าการเมิร์ชจะทำให้อีเธอเรียมดีกว่าบิตคอยน์ (BTC) ในแง่ของการพลังงาน โดยเขาได้ยกความเห็นหนึ่งว่า “ผู้ถือ BTC เสียค่าบริการ 17 พันล้านดอลลาร์ต่อปีเพื่อเรียกใช้บล็อกเชนบิตคอยน์ ในขณะที่ Ethereum มีค่าใช้จ่ายจำนวนมากเช่นกัน แต่ค่าใช้จ่ายจะหายไปโดยเปลี่ยนไปใช้ PoS ในปีนี้ ที่ประหยัดพลังงานมากกว่าบิตคอยน์ 99% จึงมีต้นทุนที่ถูกกว่ายั่งยืนในระยะยาวกว่า

ในขณะเดียวกัน หลังเดอะเมิร์ช อีเธอเรียมจะมีอุปทาน “ฝืดเคือง” สูงขึ้นถึง 95% เนื่องจากไม่สามารถขุดได้และยังจะถูกเผาทิ้งอีกด้วย ทำให้อีเธอเรียมมีสถานะเป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน หรือเป็น “พันธบัตรดิจิทัล” ได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นและมั่นคงในการ Stake หรือฝากเพื่อการยืนยันผลธุรกรรมบนเครือข่าย

ข้อควรระวัง

การอัพเกรดใหญ่อีเธอเรียม หรือ “เดอะเมิร์ช” สร้างความตื่นตัวไปทั้งตลาดคริปโตทั้งนักเทรดและนักขุดที่ต้องถอดปลั๊กเหมือง ที่สำคัญมิจฉาชีพที่จะเริ่มหลอกลวงผู้คนบนอินเทอร์เน็ต “ประชาชาติธุรกิจ” จึงรวบรวมข้อควรทราบสำหรับมือใหม่ที่ถือครองอีเธอเรียม ก่อนจะมีการเมิร์ช คือ

1.ประวัติธุรกรรมทั้งหมดของอีเธอเรียมไม่เปลี่ยนแปลงหลังจาก “เดอะเมิร์ช” เงินใดๆ สินทรัพย์ใด ๆ ที่ถืออยู่ในกระเป๋าเงินอีเธอเรียมของคุณก่อน “เดอะเมิร์ช” จะยังสามารถเข้าถึงได้ ไม่ต้องดำเนินการใด ๆ

2.ไม่มี ETH2 หากมีการส่งข้อความชวนเชื่อหรือหลอกลวงว่าให้โอน หรือส่ง หรือกดลิ้งก์ใด ๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือคุณในการเปลี่ยน ETH ของคุณให้เป็น ETH2 ห้ามดำเนินการใด ๆ เด็ดขาด เพราะไม่มี ETH2 ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน

3.โปรดระวังลิ้งก์สแกม สแปม แอร์ดอร์ปฟรี เว็บฟิชชิ่ง และอื่นๆ ที่เชื้อเชิญให้กดส่งรหัสผ่าน หรือ Seed Phase ของกระเป๋าเงินคริปโตของคุณ

ดูประกาศตัวเต็มของนักพัฒนาอีเธอเรียมได้ที่ https://tim.mirror.xyz/xkhOUpYC8UUNlTgGehhl63XF5QZnxAOvW3EOK9MWPeQ
The Merge | ethereum.org