เงินสะพัดท่องเที่ยวพัทยา “เกาหลี-ฮ่องกง” จ่ายไม่อั้น

ท่องเที่ยวพัทยาเงินสะพัดทั้งธุรกิจกลางวัน-กลางคืน ตลาดน้ำ 4 ภาค-สวนนงนุช “วอล์กกิ้งสตรีต” แหล่งสถานบันเทิง “เกาหลี-ฮ่องกง-ไต้หวัน-เวียดนาม” จ่ายไม่อั้น เม็ดเงินสะพัดนับ 100 ล้านบาทต่อคืน มากกว่าก่อนโควิด-19 วอนรัฐขยายเวลาเปิดบริการได้ถึงตี 4 เหมือนภูเก็ต เผยโรงแรมแข่งดุตัดราคาเดือด

นางวะริดา แซ่อึ้ง ผู้บริหาร บริษัท ตลาดน้ำ 4 ภาค (พัทยา) จำกัด แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตชุมชนกลางเมืองพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ภาพรวมธุรกิจเริ่มกลับมาแล้วประมาณ 50% โดยเฉพาะสัปดาห์นี้ (5-12 ก.พ.) นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอินเดีย เวียดนาม ไต้หวัน เกาหลี รัสเซีย

ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวรวมเฉลี่ยประมาณวันละ 5,000 คน ก่อนเกิดโควิด-19 เฉลี่ยมีนักท่องเที่ยววันละประมาณ 10,000-15,000 คน นักท่องเที่ยวที่เข้ามาถือว่าเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง

ตลาดน้ำ 4 ภาคฟื้น 50%

นางวะริดากล่าวว่า เดิมก่อนเกิดโควิด-19 ตลาดน้ำ 4 ภาค (พัทยา) มีผู้ประกอบการร้านค้าเข้ามาเช่าพื้นที่ประมาณ 400 ร้านค้า ปัจจุบันกลับมาเปิดให้บริการเพียงเฟสแรก มีร้านค้ากลับมาเปิดประมาณ 100 ร้านค้า และคาดว่าจะเปิดเฟส 2 หลังนักท่องเที่ยวจีนกลับเข้ามา ตอนนี้เริ่มให้ร้านค้าเข้ามาจองพื้นที่ในเฟส 2 แล้ว ดูจากแนวโน้มการท่องเที่ยวก็ค่อนข้างสดใส หลังจากจีนเปิดประเทศ เริ่มเห็นมีกรุ๊ปทัวร์มา 1 กรุ๊ป มีนักท่องเที่ยวประมาณ 90 คน ปัจจัยหลักที่นักท่องเที่ยวจีนยังไม่มา อาจจะเป็นเพราะว่าค่าตั๋วเครื่องบินยังแพงอยู่ แต่คาดว่าปลายปี 2566 ธุรกิจการท่องเที่ยวในพัทยาจะกลับมาเกินได้ 80%

“ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวหลัก ๆ จะเป็นอินเดีย 50% เวียดนาม 50% ส่วนใหญ่ยังเป็นกลุ่มที่เดินทางมาท่องเที่ยวด้วยตัวเอง (FIT) แต่ช่วงเดือน ก.พ. เริ่มเห็นนักท่องเที่ยวที่เป็นกรุ๊ปทัวร์เฉลี่ยกรุ๊ปละ 30-40 คน ก็คาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นเรื่อย ๆ”

“สวนนงนุช” สัญญาณดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการลงพื้นที่สำรวจสวนนงนุช พัทยา พบว่า ตอนนี้นักท่องเที่ยวกลับประมาณ 30% มีทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาส่วนใหญ่ตอนนี้ยังเป็นกลุ่ม FIT ส่วนกรุ๊ปทัวร์เริ่มมีเข้ามาเป็นกลุ่มเวียดนาม เกาหลี เฉลี่ยกรุ๊ปละ 10-30 คน ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี ตอนนี้รวมนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติเฉลี่ยเข้ามาวันละ 3,000 คน ซึ่งเมื่อก่อนตัวเลขนักท่องเที่ยวต่ำสุดประมาณ 10,000 คนต่อวัน และนักท่องเที่ยวที่เข้ามาส่วนใหญ่ต้องการดูแสดงโชว์

ปัจจุบันมีการจัดแสดง 3 รอบ เวลา 10.30 น. เวลา 13.30 น. และเวลา 15.00 น. และเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น จึงได้มีการปรับเปลี่ยนโชว์การแสดงขึ้นมาใหม่ ๆ โดยเป็นการแสดงศิลปวัฒนธรรมกับคาบาเรต์ ปิดท้ายด้วยการแสดงช้างแสนรู้ ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยสำหรับคนไทยประมาณ 600 บาทต่อคน ส่วนต่างชาติ 800-1,000 บาทต่อคน

วอล์กกิ้งสตรีตยอดขายพุ่ง 2 เท่า

นางอำพร แก้วแสง ผู้บริหารร้านเดอะสโตนเฮาส์ และร้าน Raas Club วอล์คกิ้งสตรีทพัทยา แหล่งสถานบันเทิงชื่อดังพัทยา กล่าวในเรื่องนี้ว่า หลังเปิดประเทศมาช่วง 4 เดือน พัทยาฟื้นตัวเร็วมาก นักท่องเที่ยวต่างชาติหน้าใหม่ เช่น เกาหลี ฮ่องกง เวียดนาม เดินทางเข้ามาจำนวนมากกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ปี 2562 และมีการจับจ่ายมาก ส่งผลให้ยอดขายจาก 1 แสนบาทต่อคืน ในช่วงก่อนเกิดโควิด-19 พุ่งขึ้นไปกว่าเท่าตัวเป็น 150,000-170,000 บาทต่อคืน หรือบางคืนมีดับเบิลขึ้นไปหลายเท่าตัว แสดงให้เห็นพฤติกรรมการจับจ่ายใช้บริการของคนเปลี่ยน พร้อมจ่ายมากขึ้น

โดยในวอล์กกิ้งสตรีต ซึ่งมีทั้งสถานบันเทิง ร้านอาหาร ร้านนวด ฯลฯ หลากหลายให้เลือกใช้บริการ ทั้งนี้ ตลอดความยาวของวอล์กกิ้งสตรีต ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร มียอดขายวันธรรมดารวมทุกร้านประมาณ 60 ล้านบาทต่อคืน หากวันสุดสัปดาห์ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ยอดขายพุ่งขึ้นไปกว่า 100 ล้านบาท แต่หากพัทยาสามารถขยายเวลาเปิดบริการได้ถึงตี 4 เช่นเดียวกับจังหวัดภูเก็ต คิดว่ายอดขายน่าจะพุ่งขึ้นไปถึง 200 ล้านบาทต่อคืน

“ตอนนี้ถือว่าพัทยาฟื้นเร็ว พอเปิดประเทศมาแขกแน่นทุกวัน ดับเบิลมากกว่าก่อนเกิดโควิดด้วย เพราะ 1.ช่วงแรกร้านผับบาร์เปิดให้บริการน้อย แต่วันนี้ร้านเปิดมากขึ้น แต่ลูกค้าก็เพิ่มเข้ามาเรื่อย ๆ คนไม่กลัวอะไรแล้ว อยากจ่ายซื้อความสุขแล้ว เท่าที่เราสัมผัสพูดคุยกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ หลายคนอัดอั้นมายาวนานหลายปีจากการระบาดของโควิด-19 ซึ่งตอนนี้เป็นช่วงที่ทุกคนกำลังฟื้นฟูธุรกิจ พัทยาวอล์กกิ้ง ถ้าสถานบันเทิงดี ผู้หญิงทำงาน พนักงานเสิร์ฟ คนเก็บขยะ ทุกคนมีรายได้เพิ่มขึ้น คนมีงานทำ ร้านค้าเล็ก ๆ ร้านข้าวแกงตามริมถนน แม้แต่คนเก็บขยะ ได้รับอานิสงส์ และกำลังซื้อในระบบดีขึ้น”

สถานบันเทิงขอเปิดถึงตี 4

นายดำรงเกียรติ พินิจการ ผู้บริหาร Hollywood Pattaya และเลขานุการสมาคมสถานบันเทิงเมืองพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เปิดเผยว่า หลังจากประเทศไทยมีการเปิดประเทศ ส่งผลให้การท่องเที่ยวสถานบันเทิงเมืองพัทยากลับมาฟื้นได้เร็ว นักท่องเที่ยวที่เข้ามากลุ่มแรก ๆ คือ อินเดีย ตามมาด้วยกลุ่มยุโรป ส่วนกลุ่มเอเชีย เช่น เกาหลี ฮ่องกง ไต้หวัน ตอนนี้ถือว่าคึกคักมาก สถานบันเทิงกลับมาเปิดให้บริการแล้ว ประมาณ 90%

นักท่องเที่ยวปัจจุบันแบ่งออกเป็นคนไทย 40% ต่างชาติ 60% ส่วนนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์จีน เริ่มมีรถบัสเข้ามาช่วงนี้ อย่างไรก็ตาม อยากจะให้รัฐบาลพิจารณาขยายเวลาการเปิดให้บริการของสถานบันเทิงในพัทยา หากขยายเพิ่มเป็นตี 4 ได้เหมือนกับ จ.ภูเก็ต จะทำให้พัทยามีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกจำนวนมาก

“ฮอลลีวู้ด พัทยา นักท่องเที่ยวเข้ามาเต็มทุกวัน ลูกค้าต่างชาติอัดอั้นจากโควิด-19 มาหลายปี เข้ามาประเทศไทยมาใช้เงินเต็มที่ ใช้จ่ายเต็มที่อย่างมีความสุข มาสั่งอาหารดี ๆ เปิดเหล้าแพง ๆ พนักงานได้รับทิปอย่างต่ำ ๆ คนละ 2,000 บาท บางคนได้ 5,000 บาทต่อคืน ทำให้ช่วงนี้มีคนต่อคิวอยากเข้ามาเป็นพนักงานกันจำนวนมาก พนักงานของที่ร้าน ตอนแรกเปิดมา 50 คน ตอนนี้เพิ่มเป็น 170 คน ตอนนี้หากนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเพิ่มไม่รู้จะเอาเก้าอี้ที่ไหนให้นั่ง ถือว่าพัทยาฟื้นกลับมาไวมาก”

โรงแรมแข่งตัดราคาดุเดือด

นายจักรรัตน์ เรืองรัตนากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท รัตนากร แอสเซท จำกัด ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และโรงแรมกว่า 10 แห่งในพัทยา ภูเก็ต สมุย เปิดเผยว่า ธุรกิจท่องเที่ยวในพัทยาเริ่มฟื้นตัวกลับมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2565 ถึงปัจจุบัน แต่ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมประสบปัญหาการแข่งขันตัดราคากันดุเดือดมาก ทั้งพัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ กรุงเทพฯ รวมถึงเมืองท่องเที่ยวทุกแห่งในประเทศ โดยมีธุรกิจคอนโดฯ อพาร์ตเมนต์ รวมถึงวิลล่าต่าง ๆ เข้ามาแชร์ตลาดห้องพักด้วย

ตัวอย่าง เช่น โรงแรม 5 ดาวจะรับนักท่องเที่ยวในราคา 4 ดาว, โรงแรม 4 ดาว ก็ลดราคาลงมาเหลือ 3 ดาว และโรงแรม 3 ดาว ก็ต้องเก็บส่วนที่เหลือในราคา 2 ดาว ส่วนโรงแรม 2 ดาวลงไปจะไม่มีแขก เพราะปัจจุบันลูกค้าจะเลือกไปพักในโรงแรมดีในราคาที่ไม่สูงมากนัก ถือว่าแข่งกันดุเดือดรุนแรงและเข้มข้นมาก ขณะที่ต้นทุนผู้ประกอบการสูงขึ้น ทั้งค่าบริการ อาหาร เครื่องดื่ม ค่าพลังงาน รวมถึงดอกเบี้ยที่กู้เงินมา รวมถึงยังประสบปัญหาแรงงานขาดแคลนและค่าแรงแพงขึ้น

“ตอนนี้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากจุดต่ำสุด 1.1-1.2% และกำลังจะขึ้นอีก หมายความว่าต้นทุนผู้ประกอบการทุกคนจะต้องเพิ่มขึ้นขั้นต่ำ 20-30% ต่อมาค่าไฟ จากช่วงโควิด 3.5-4 บาท ตอนนี้อยู่ประมาณ 5-6 บาท ค่าแรงขั้นต่ำขึ้นมา 20-30% จ้างแม่บ้าน 1.5-1.8 หมื่นบาท/เดือน ค่าวัตถุดิบอาหารขึ้นมา 20-25% ถ้าคิดรายได้กับต้นทุนที่จ่ายก็ยังไม่ดี แต่ถ้าเทียบกับช่วงล็อกดาวน์ที่มีรายจ่ายไม่มีรายได้ก็ดีกว่าไม่ได้เลย เหมือนเปลี่ยนจากติดลบมาเป็นพอมีกำไรบ้าง ซึ่งทุกคนหวังว่าปี 2566 นี้ทุกอย่างจะดีขึ้น โดยนักท่องเที่ยวจีนมาก็จะเพิ่ม ทำให้มีกำไรเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนของจำนวนนักท่องเที่ยว”


สำหรับภาพรวมนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยปี 2564 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศประมาณ 4 แสนคน ปี 2565 ประมาณ 11 ล้านคน และในปี 2566 คาดการณ์ว่ามีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาแล้วจะอยู่ที่ 25-28 ล้านคน ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมเริ่มมีกำไร ถ้าได้ตามคาดการณ์หมายความว่าปี 2567 ควรจะกลับมาที่ 30-40 ล้านคน เข้าสู่ภาวะปกติ แม้การแข่งขันเรตราคาจะยังคงเดือดเพราะต้นทุนสูงขึ้น