พิษโควิดสู่ร้าน “เฮือนแสงคำ” ข้าวซอยไก่ Exclusive ย่านแม่ริม

สมฤทธิ์ ไหคำ
คอลัมน์ : สัมภาษณ์

การพลิกวิกฤตชีวิตจากพิษโควิด ให้กลายเป็นโอกาส ทำให้เกิดธุรกิจใหม่ ๆ มากมายในช่วงกว่า 3 ปีที่ผ่านมา เหมือนเช่นธุรกิจร้านอาหาร “เฮือนแสงคำ” ของ “สมฤทธิ์ ไหคำ” รองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ ที่ตัดสินใจเปิดบ้านเรือนโบราณล้านนาผสมไทลื้อ ย่านตำบลเหมืองแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ทำเป็นร้านอาหารสไตล์ “Exclusive” หลังจากธุรกิจทัวร์ที่ทำอยู่ รายได้เป็น “ศูนย์” ในช่วงโควิด

“สมฤทธิ์ ไหคำ” รองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ และกรรมการผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เชียงใหม่แปซิฟิกเวิลด์ ผู้ประกอบการธุรกิจทัวร์ และร้านอาหาร “เฮือนแสงคำ” ให้สัมภาษณ์ “ประชาชาติธุรกิจ”

สมฤทธิ์เล่าว่า ช่วงโควิดทุกอย่างหยุดชะงัก ไม่มีกรุ๊ปทัวร์เข้ามา รายได้ของบริษัททัวร์ที่ทำอยู่เป็นศูนย์ และทัวร์ก็เป็นเพียงอาชีพเดียวที่ทำอยู่ จึงเริ่มมองหาลู่ทางอาชีพอื่นเพื่อทดแทนรายได้ที่หายไป ด้วยเพราะประเมินสถานการณ์ว่าโควิดจะกินเวลานาน

และโดยส่วนตัวเป็นคนชอบทำอาหาร จึงตัดสินใจเปิดบ้านที่อาศัยอยู่ ทำเป็นร้านอาหารชื่อว่า “เฮือนแสงคำ” เริ่มเปิดบริการตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564

เฮือนแสงคำ

“เราใช้ต้นทุนเดิมที่มีอยู่คือ บ้านที่เราอาศัยอยู่ ซึ่งเป็นเรือนโบราณล้านนาผสมไทลื้อ ตั้งอยู่บนพื้นที่ราว 4 ไร่ ลงทุนทำโซนร้านอาหารและร้านกาแฟ ไม่ต้องเสียค่าเช่า เป็นการลดความเสี่ยง ช่วยลดต้นทุนการทำธุรกิจได้มาก และอาหารทุกจาน เจ้าของบ้านเป็นคนปรุงเองทุกเมนู ลูกหลานในบ้านช่วยกันเสิร์ฟ เหมือนนั่งกินอยู่ที่บ้าน ต้นทุนของเราไม่สูง เราเสิร์ฟแบบ chef table แต่ราคา local จับต้องได้”

คอนเซ็ปต์ของร้าน “เฮือนแสงคำ” เป็นร้านอาหารเหนือสไตล์ exclusive ในบรรยากาศเรือนโบราณล้านนาผสมไทลื้อ ตกแต่งตัวร้าน โดยมีกลิ่นอายและเสน่ห์ของความคลาสสิก ใช้เฟอร์นิเจอร์ร่วมสมัยดูสบายตา แวดล้อมด้วยระบบนิเวศธรรมชาติสีเขียว รองรับลูกค้าได้ทั้งหมด 60 seat ทั้ง indoor และ outdoor

เฮือนแสงคำ

สมฤทธิ์กล่าวว่า กลุ่มลูกค้าหลัก 50% เป็นคนในพื้นที่เชียงใหม่ แบ่งเป็นกลุ่มลูกค้า walk-in และกลุ่ม event จัดประชุมสัมมนากรุ๊ปเล็ก ๆ 15-20 คน และจัดงานแต่งงาน และอีก 50% คือ ลูกค้ากรุ๊ปทัวร์ของบริษัทเอง เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เน้นกลุ่ม home host ซึ่งจะมีบริการด้านที่พัก ชมงานศิลปะ และเปิดคอร์สสอนทำอาหาร

อาทิ แกงเขียวหวานกุ้ง ส้มตำฝรั่ง แกงฮังเล ปลาราดซอสมะขาม ผัดผักรวมกุ้ง เป็นต้น ซึ่งหลังโควิดคลี่คลาย มีกรุ๊ปต่างชาติเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่กลางปี 2565 โดยจะรับครั้งละ 6-8 คน ส่วนใหญ่เป็นกรุ๊ป family จากสหรัฐอเมริกา

อาหารเฮือนแสงคำ

เมนูของร้าน “เฮือนแสงคำ” คัดเด่น ๆ มาไว้ให้ลูกค้าเพียง 14 เมนู เป็นเมนูประจำร้านที่มีเสิร์ฟทุกวัน เป็นอาหารจานด่วน (quick lunch) ซึ่งเมนูที่เป็น signature คือ “ข้าวซอยไก่” ที่มีเสิร์ฟวันละแค่ 20 ชามเท่านั้น ราคาเพียงชามละ 78 บาท และอีกหลายเมนูที่ขายดี อาทิ ข้าวเงี้ยว ขาหมูพริกลาบ ไก่ทอดน้ำปลา เต้าหู้ทอด ราดหน้าหมูหมัก ส้มตำปูปลาร้า ผัดซีอิ๊วหมูหมัก และข้าวผัดโบราณ เป็นต้น

อาหารเฮือนแสงคำ

นอกจากนี้ ยังมีเมนูอาหารเหนืออื่น ๆ ที่ลูกค้าสามารถพรีออร์เดอร์ ได้ อาทิ แกงฮังเล แกงโฮะ แกงแคไก่ แกงอ่อมหมู ตำมะเขือ คั่วไข่ ผัดแหนมใส่ไข่ ตำส้มโอใส่น้ำปู

โดยราคาอาหารส่วนใหญ่อยู่ที่หลักสิบจนถึงหลักร้อยต้น ๆ เท่านั้น เริ่มตั้งแต่ 45, 58, 78, 98, 138 และ 178 บาท พร้อมเตรียมเพิ่มเมนูใหม่อีก 3 เมนู ได้แก่ ผัดไทยโบราณ สุกี้น้ำ และสุกี้แห้ง ราคา 98-128 บาท

สมฤทธิ์กล่าวต่อว่า ปัจจุบันธุรกิจทัวร์ยังคงเป็น core business ซึ่งหลังจากสถานการณ์ท่องเที่ยวเข้าสู่ภาวะปกติ กรุ๊ปทัวร์ของบริษัททั้ง inbound และ outbound

อาหารเฮือนแสงคำ

ขณะนี้กลับคืนมา 100% แล้ว โดยลูกค้ากลุ่ม inbound กลุ่มหลักคือ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ ส่วนใหญ่เป็นตลาดกลุ่ม MICE และช่วงเดือนมิถุนายน 2566 เตรียมจัดกรุ๊ป outbound ไปไต้หวัน 30 คน

เจ้าของร้าน “เฮือนแสงคำ” ยืนยันว่า จะทำร้านนี้ต่อไปเรื่อย ๆ สร้างขึ้นมาแล้วต้องสานต่อ เน้นทำในสิ่งที่มีความสุข ไม่ต้องเน้นรายได้มากมาย

เป็นความ exclusive ที่ต้องมาแวะชิม “ข้าวซอยไก่” ที่ “เฮือนแสงคำ” สักครั้ง เมื่อมาเยือนเชียงใหม่