
“เศรษฐา””ถกภาคธุรกิจจังหวัดเชียงใหม่ คาดเปิดบริการสนามบินเชียงใหม่ 24 ชั่วโมงมีความเป็นไปได้สูง พร้อมรับข้อเสนอโครงการสร้างสนามบินล้านนา แห่งที่ 2 พร้อมเดินหน้าแก้ปัญหา PM 2.5 เร่งรัดกฎหมายอากาศสะอาด จี้กระทรวงคมนาคม ติดตามโครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดเชียงใหม่ (สายสีแดง) งบประมาณ 2.8 หมื่นล้านบาท
วันที่ 16 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดเชียงใหม่ ว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เดินทางมายังห้องประชุม Auditorium อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (STeP) ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
- หวั่น EV ไทย…ซ้ำรอยจีน
- “ทรู-ดีแทค” ถล่มโปร “คืนค่าเครื่อง” ย้ำรวมกันได้มากกว่า
- เปิด “ผังน้ำ” ประกบผังเมือง เขย่าราคาที่ดินทั่วประเทศ
เพื่อพบปะร่วมพูดคุยกับผู้ประกอบการนักธุรกิจจังหวัดเชียงใหม่ ในประเด็นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ระบบขนส่งคมนาคม สังคม และสิ่งแวดล้อม (PM 2.5) เพื่อรับฟังปัญหาภาพรวมของจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมทั้งได้พบปะผู้ประกอบการนักธุรกิจรุ่นใหม่ (Start Up) ณ ห้องประชุม THE BRICK X อุทยานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (STeP)
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ประเด็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ได้แก่ การขยายเวลาการเปิดบริการสนามบินนานาชาติเชียงใหม่เป็น 24 ชั่วโมง อยู่ระหว่างการประสานงานกับการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย รวมถึงการดูแลผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงสนามบิน
ซึ่งมีแนวโน้มว่ามีความเป็นไปได้สูงในการเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง เช่นเดียวกับการสร้างสนามบินล้านนา (Lanna International Airport) แห่งที่ 2 เพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต ก็อยู่ในแผนงานที่สอดคล้องกันในการยกระดับเป็นสนามบินของภาคเหนือ เช่นเดียวกับจังหวัดภูเก็ตที่จะยกระดับเป็นสนามบินในระดับภาคใต้
ขณะที่ประเด็นเร่งด่วนอีกเรื่องที่สำคัญ ได้แก่ ปัญหาการแก้ไขมลพิษทางอากาศ PM 2.5 จะได้เร่งรัดกระบวนการด้านกฎหมายอากาศสะอาด ที่ได้ทำร่างออกมาแล้ว ซึ่งจะได้พิจารณาต่อไป พร้อมกับการสร้างกลไกการบังคับใช้และการประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อแก้ไขและลดผลกระทบต่อประชาชนของภาคเหนือ
นอกจากนั้น เรื่องตลาดคาร์บอนเครดิต รัฐบาลก็จะได้สนับสนุนให้เกิดการเพิ่มจำนวนผู้ประเมินเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นการสร้างรายได้ทดแทนการเผาขณะที่ประเด็นการดำเนินการด้านโครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดเชียงใหม่ (สายสีแดง) งบประมาณ 2.8 หมื่นล้านบาท จะได้ติดตามผ่านทางกระทรวงคมนาคมให้
รวมถึงการลงทุนด้านดิจิตอลใน 25 อำเภอ, การส่งเสริมยกระดับการเป็น Wellness City, การสนับสนุนด้าน Soft Power ของเชียงใหม่ ด้านอาหาร เทศกาลหลัก และเทศกาลรองใน 12 เดือน เพื่อให้เป็นพลังขับเคลื่อนด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่
“เชียงใหม่และภาคเหนือมีของดีและศักยภาพหลากหลาย จำเป็นจะต้องเร่งส่งเสริมโปรโมตให้มากขึ้น ส่วนเรื่องข้อเสนอด้านกฎหมาย เช่น ด้านวีซ่า หรือกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับกลุ่ม Expat และ digital nomad ก็จะใช้กลไกของภาครัฐเข้ามาสนับสนุนไม่ว่าจะเป็น BOI และ ททท. เป็นต้น เช่นเดียวกับเรื่องการแก้ไขผังเมือง การใช้ประโยชน์ที่ดินรัฐบาลอยู่ระหว่างการดูภาพรวมทั้งประเทศเช่นกัน”
นายเศรษฐากล่าวอีกว่า ด้านการส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ในอนาคตจะต้องสร้างการยกระดับผู้ประกอบการในท้องถิ่นให้เติบโตด้วยกลไก Matching Fund ไม่ให้เกิดการครอบงำของทุนใหญ่ และจะต้องมีการส่งเสริมอย่างเป็นระบบ จะทำให้เศรษฐกิจและธุรกิจในท้องถิ่นเติบโตยั่งยืน