หอการค้า 5 ภาคจี้รัฐบาล อัดยาแรงสู้วิกฤตเศรษฐกิจ

ท่องเที่ยว

หอการค้า 5 ภาคจี้รัฐบาลอัดยาแรง เร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งดอกเบี้ยแพง หนี้ครัวเรือนพุ่ง ส่งออกติดลบ ความหวังรายได้ท่องเที่ยวดับวูบทั่วประเทศ จากเหตุสุดวิสัยยิงกราดพารากอน-สงครามอิสราเอล กระทบไฮซีซั่นหนัก หอการค้าภาคใต้ชี้ภูเก็ต-กระบี่-พังงา เมืองท่องเที่ยวหลักต่างชาติมาแค่ 12% มาตรการฟรีวีซ่าไร้ผล วอนเร่งสร้างความเชื่อมั่น พร้อมเคลียร์ความชัดเจนเรื่องเงินดิจิทัล 5.6 แสนล้าน

นายธวัชชัย เศรษฐจินดา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานหอการค้าภาคกลาง หอการค้าไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้รัฐบาลต้องแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน ภายใต้นโยบายรัฐบาลที่ประกาศโรดแมปเพื่อการกระตุ้นและพัฒนาเศรษฐกิจทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว พร้อมแนวทางที่ชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องเงินดิจิทัล 10,000 บาท ซึ่งทางหอการค้าไทยได้แนะนำไปแล้วว่า รัฐบาลควรทำระยะสั้น และเริ่มแบบเฉพาะกลุ่ม โดยใช้ฐานผู้มีรายได้น้อยเป็นหลัก

ส่วนเรื่องการท่องเที่ยว รัฐบาลควรทำการตลาดแบบเชิงรุก เพื่อดึงต่างชาติเข้ามาเที่ยวประเทศไทย โดยเฉพาะตลาดจีน รัฐบาลควรทำการตลาดเชิงรุกในเรื่องการให้ข้อมูล และการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารทางโซเชียล เพื่อให้นักท่องเที่ยวจีนได้รับทราบข้อมูลที่แท้จริง และมีความมั่นใจที่จะกลับมาเที่ยวเมืองไทยเช่นเดิม

“ตอนนี้ข้อมูลข่าวสารทางโซเชียลหลายเรื่องที่คนจีนได้รับ ทั้งในเรื่องความปลอดภัย เหตุการณ์ที่สยามพารากอน, เรื่องนักท่องเที่ยวจีนที่ถูกจับตัวไปโดนตัดไต, เรื่องค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ อีกทั้งก่อนหน้านี้มีบล็อกเกอร์, พวกยูทูบเบอร์, อินฟลูเอนเซอร์ รีวิวการท่องเที่ยวไทยในทางที่ไม่ดี คนจีนกลับเชื่อ ทำให้คนจีนส่วนใหญ่หันไปเที่ยวประเทศอื่นแทน ซึ่งปัญหาเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขโดยเร็ว”

นอกจากนี้ เรื่องความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย ความสามารถในการแข่งขันของบริษัท และผู้ประกอบการ SMEs รัฐบาลควรมีทิศทางที่ชัดเจน เนื่องจากวันนี้ต้องยอมรับว่าการขับเคลื่อนในภาคอุตสาหกรรมของไทย เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ อุตสาหกรรมผลิตฮาร์ดดิสก์ เป็นอุตสาหกรรมขาลงหมดแล้ว ฟันเฟืองที่เป็นเครื่องจักรเก่าเปรียบเหมือนคนแก่

ดังนั้น ในแง่อุตสาหกรรมแห่งอนาคตควรจะไปทิศทางใด ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สะท้อนเรื่องความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย โดยเฉพาะเรื่องคน ต้องมีการวางแผน upskill และ reskill อย่างชัดเจน อาจต้องทำร่วมกับภาคเอกชน การพัฒนาทักษะแรงงานให้ตอบสนองความต้องการของตลาด รวมถึงการปรับแก้ไขกฎระเบียบ และนโยบายที่เอื้ออำนวยให้แข่งขันได้

ADVERTISMENT

นายธวัชชัยกล่าวต่อไปว่า ในภาคการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ วันนี้ที่นักลงทุนต่างชาติไม่มาประเทศไทย คงไม่ใช่ประเด็นเฉพาะอัตราค่าแรงงานของไทยแพงกว่า หรือค่าไฟแพงกว่า แต่เป็นเรื่องข้อตกลงทางการค้า โดยประเทศคู่แข่งกับมีเงื่อนไขสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ให้ผู้ลงทุนที่ดีกว่า ดังนั้น รัฐบาลก็ต้องเร่งแก้ปัญหาจุดเหล่านี้พร้อมกัน

ส่วนเรื่องการเมือง ปกติช่วง 3-6 เดือนแรก ต้องให้เวลารัฐบาลใหม่ทำงาน คิดว่าช่วงเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ถือว่าทำงานไปแล้วหลายเรื่อง

ADVERTISMENT

หอภาคเหนือจี้แก้ PM 2.5

นายสมบัติ ชินสุขเสริม รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และประธานหอการค้าภาคเหนือ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ระหว่างปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจ อยากให้รัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน โฟกัสเรื่องเศรษฐกิจก่อนเป็นอันดับแรก เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องปากท้องของประชาชน

ขณะที่ปัญหาการเมืองในขณะนี้ค่อนข้างนิ่งแล้ว โดยอยากให้รัฐบาลพิจารณาอย่างรอบคอบเกี่ยวกับประเด็นการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะยาวหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด เนื่องจากเป็นการนำเงินคงคลังออกมาใช้ล่วงหน้า ไม่ควรเน้นนโยบายประชานิยมมากเกินไป จึงอยากให้พิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ

ขณะเดียวกัน ควรเร่งกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศให้มากขึ้น เพราะขณะนี้คนในประเทศเดินทางท่องเที่ยวนอกประเทศเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่การท่องเที่ยวในประเทศจะกระจุกตัวเฉพาะเมืองท่องเที่ยวใหญ่ ส่วนการท่องเที่ยวเมืองรองกำลังอยู่ในภาวะซบเซาอย่างหนัก ผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั้งระบบได้รับผลกระทบมากในขณะนี้ ทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง เงินทุนหมุนเวียนไม่เพียงพอ การขอสินเชื่อยากขึ้น และหนี้สินที่เพิ่มขึ้น เป็นต้น จึงอยากให้รัฐบาลชุดนี้ส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองอย่างเร่งด่วน

นายสมบัติกล่าวต่อว่า สำหรับปัญหาเร่งด่วนของภาคเหนือที่อยากให้รัฐบาลเร่งแก้ไขด่วน 3 เรื่องคือ 1.ปัญหาฝุ่นควัน PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวทุกปี เป็นเวลาถึง 3 เดือน (มีนาคม-พฤษภาคม) ทั้งยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนอย่างรุนแรง ซึ่งปัจจุบันมีการขับเคลื่อนของสภาลมหายใจภาคเหนือในการแก้ปัญหานี้ และล่าสุดได้ยื่นหนังสือถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพื่อให้รัฐบาลสนับสนุนการแก้ปัญหา PM 2.5 จึงอยากให้รัฐบาลได้ติดตามการแก้ปัญหานี้อย่างเร่งด่วน

2.อยากให้รัฐบาลพัฒนาแหล่งน้ำของภาคเหนือ โดยเฉพาะการสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กในจังหวัดต่าง ๆ เนื่องจากในฤดูฝนเมื่อมีฝนปริมาณมากและเกิดน้ำท่วม ซึ่งแหล่งน้ำจากภาคเหนือราว 80% จะไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาทั้งหมด ไม่สามารถกักเก็บน้ำได้มากพอ เพราะไม่มีแหล่งกักเก็บน้ำมากเพียงพอ ที่จะสามารถดึงน้ำมาใช้ในช่วงฤดูแล้ง 3.ปัญหาของผู้ประกอบการ SMEs ก็เป็นประเด็นที่รัฐบาลควรต้องโฟกัส โดยเฉพาะการสนับสนุนเงินทุนให้ผู้ประกอบการ SMEs ให้เกิดสภาพคล่อง และการผ่อนปรนให้ผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น

ไฮซีซั่นภาคใต้เงียบสนิท

นายวัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้ หอการค้าไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า อยากให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจก่อน เนื่องจากตอนนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหาทั้งภายในประเทศและต่างประเทศอย่างหนัก ไม่ต่างจากช่วงสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด ทั้งการส่งออกติดลบ

ขณะที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เป็นความหวังเพื่อฟื้นเศรษฐกิจ โดยภาคใต้ช่วงก่อนโควิดเคยมีรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 600,000 กว่าล้าน ในช่วงไฮซี่ซั่นปีนี้ผู้ประกอบการคาดหวังว่าจะมีรายได้เพิ่มเป็นสองเท่าจากปี 2565 มีรายได้ประมาณ 200,000-300,000 ล้านบาท แต่เดือนตุลาคม 2566 ถือว่าเข้าสู่ช่วงเริ่มต้นไฮซีซั่นแล้ว ภาคใต้ โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต กระบี่ พังงายังค่อนข้างเงียบกว่าทุกปี มีตัวเลขยอดการจองห้องเข้ามาเพียง 12-13%

ขณะที่นักท่องเที่ยวบางกลุ่มที่มีการจองห้องพักเข้ามาแล้วก็มีการยกเลิก หากเทียบกับช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2565 จะเริ่มเห็นยอดการจองห้องพัก เพื่อจะมาเข้าพักในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม ประมาณ 70-80% แล้ว ตอนนี้แม้มีมาตรการฟรีวีซ่า แต่ไม่สามารถกระตุ้นการท่องเที่ยวได้ แนวโน้มรายได้จากการท่องเที่ยวปี 2566 น่าจะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก เนื่องจากผลกระทบจากเหตุการณ์กราดยิงและมีผู้เสียชีวิตที่สยามพารากอน และสงครามระหว่างอิสราเอล-ฮามาส ดังนั้น รัฐบาลควรหันหน้ามาแก้ไขเรื่องเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน และสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว

“ปกติปีที่ผ่านการท่องเที่ยวภาคใต้จะเงียบในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน และช่วงเดือนตุลาคมจะกระเตื้องขึ้นมา 20-30% แต่ปี 2566 กลายเป็นว่าเดือนตุลาคมการท่องเที่ยวกระเตื้องขึ้นมาเพียง 1-2% ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระอย่างหนัก เนื่องจากได้ลงทุนปรับปรุงกิจการ และเตรียมพนักงานจำนวนมากไว้รองรับนักท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่น

ตอนนี้ดูจากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เข้ามาน่าจะต่ำกว่าความเป็นจริงมาก ตอนนี้เศรษฐกิจเป็นเรื่องใหญ่ โดยเฉพาะเรื่องท่องเที่ยวที่เป็นหัวใจสำคัญของประเทศ หากธุรกิจท่องเที่ยวไม่ฟื้น ธุรกิจเกี่ยวเนื่อง สินค้าเกษตร การค้าขาย การลงทุน การก่อสร้าง เกี่ยวโยงกันหมด รัฐบาลควรหันหน้ามาแก้ไขเรื่องเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน และสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว

นายวัฒนากล่าวต่อไปว่า สำหรับนโยบายแจก “เงินดิจิทัล” 5.6 แสนล้านบาท ทางภาคเอกชนเห็นด้วยกับนโยบาย เชื่อว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ และคาดว่า GDP จะเพิ่มขึ้น 3-5% แต่ภาครัฐก็ยังไม่มีความชัดเจนทั้งขั้นตอนและวิธีการแจก จึงไม่ค่อยมีความเชื่อมั่น ดังนั้น รัฐบาลต้องเร่งออกมาชี้แจงที่มาที่ไปของเงินให้ชัดเจน เชื่อว่าทุกคนก็จะเห็นด้วย แต่ตอนนี้ดูเหมือนหลายภาคส่วนออกข่าวถึงความไม่ค่อยโปร่งใส ถ้าหากมีการแจกอยากเสนอให้เป็นการแจกคล้ายโครงการคนละครึ่งที่มีการแจกเงินเป็นรอบ ๆ จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีกว่าการแจกเงินครั้งเดียว

หอตะวันออกเร่งเปิดตลาดใหม่

นายปรัชญา สมะลาภา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานหอการค้าภาคตะวันออก เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ตอนนี้การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจคือเรื่องใหญ่ การส่งออกติดลบ ทั้งปัจจัยภายในประเทศ ที่มีเหตุการณ์กราดยิงขึ้นที่พารากอน และต่างประเทศมีสงครามระหว่างอิสราเอล-ฮามาส ส่งผลให้ตัวเลขการส่งออกเริ่มลดลงอีก ตอนนี้รัฐบาลควรเร่งเปิดตลาดใหม่ ๆ เพื่อกระตุ้นการส่งออกควบคู่กับหานโยบายมากระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ควรมีการเปิดฟรีวีฟ่าในหลายประเทศเพิ่มมากยิ่งขึ้น และจัดอีเวนต์เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว เน้นประชาสัมพันธ์ไปที่กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเชิญชวนให้กลุ่มทัวร์โอเปอเรเตอร์มาที่ไทยเพื่อดูงานอีเวนต์ต่าง ๆ เพื่อที่จะสามารถจัดโปรแกรมการท่องเที่ยวให้กับชาวต่างชาติได้

“ตอนนี้ทัวร์โอเปอเรเตอร์ต่างชาติส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุ จึงจำเป็นที่ต้องประชาสัมพันธ์หลายรูปแบบ อาทิ ประชาสัมพันธ์ผ่านออนไลน์ รวมถึงดึงโอเปอเรเตอร์จากเมืองนอกพาเขาไปชมอีเวนต์ต่าง ๆ ซึ่งจะสอดคล้องกับมาตรการฟรีวีซ่า และเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น ก็คิดว่าจะสามารถช่วยเรื่องท่องเที่ยวได้ “

ทั้งนี้ ประชาชนกำลังเผชิญกับปัญหาหนี้ครัวเรือน และการขึ้นอัตราดอกเบี้ย อยากเสนอให้ทางภาครัฐช่วยพักชำระหนี้ไปก่อน ส่วนนโยบายแจกเงินดิจิตอล ทางภาคเอกชนเห็นด้วย เพราะจะต้องมีเงินมาช่วยมาในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่ปัจจุบันนโยบายดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจน ทั้งเงื่อนไขและที่มาที่ไปของจำนวนเงิน

นอกจากนี้ อยากให้รัฐบาลช่วยเร่งรัดโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) เชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา และสนามบินอู่ตะเภา ก็คาดหวังว่าจะมีความก้าวหน้าเพิ่มมากขึ้น

หออีสานให้เร่งแก้ปัญหาปากท้อง

นายสวาท ธีระรัตนนุกูลชัย รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันสถานการณ์ทางการเมืองนิ่งแล้ว แต่ทุกอย่างเหมือนอยู่ในภาวะชะลอตัว สิ่งที่อยากให้รัฐบาลแก้ไขเป็นอันดับแรกคือเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่จะแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนได้ เพราะหากเศรษฐกิจไม่ดี ปัญหาทางด้านการเมืองก็จะกลับมาอีก

“เดิมทีหลายคนรู้สึกว่าในรัฐบาลชุดก่อนเศรษฐกิจไม่ดีเท่าไหร่ และคิดว่าหากเปลี่ยนรัฐบาล หรือได้รัฐบาลใหม่สถานการณ์จะดีขึ้น แต่ปัจจุบันความรู้สึกอาจจะไม่เป็นอย่างที่คาดหวังไว้ เพราะยังไม่เห็นมาตรการ การช่วยเหลือประชาชนเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในรัฐบาลชุดก่อน อย่างการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านแอปเป๋าตังมีโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการคนละครึ่ง แม้มองโดยภาพรวมเศรษฐกิจประเทศไทยจะยังดูดีกว่าประเทศเพื่อนบ้าน แต่ตอนนี้คล้ายกับว่าแค่พอประคองตัวได้ เพราะมีรากฐานที่ดีเท่านั้น

โดยพื้นฐานของเศรษฐกิจในประเทศไทย ยังคงเอื้อให้ประชาชนมีกำลังพอจับจ่ายใช้สอยและการบริโภคได้อยู่ แต่ทุกคนยังชะลอดูสถานการณ์ และไม่มีความเชื่อมั่นเท่าไหร่ โดยเฉพาะภาคธุรกิจที่ชะลอการลงทุนเพื่อดูทิศทางของรัฐบาล นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยภายนอกอย่างเรื่องสงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซีย สงครามอิสราเอล รวมไปถึงเศรษฐกิจโลกด้วย คิดว่าภายในปี 2566 นี้ ทุกคนยังต้องประคองตัวเองไว้ และใช้จ่ายเงินเท่าที่จำเป็น”

นายสวาทกล่าวว่า เห็นด้วยกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่จะแจกเงิน 10,000 บาทให้กับประชาชน แต่รัฐบาลควรมีความชัดเจนและมีวิธีการใช้ให้ง่ายมากกว่านี้ เนื่องจากมีข้อมูลของประชาชนอยู่แล้ว อาจจะโฟกัสไปยังกลุ่มที่เปราะบางที่สุดก่อนเป็นอันดับแรก หลังจากนั้นก็ทยอยขยายไปยังกลุ่มอื่น ๆ ให้ครอบคลุมน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการจัดการ

นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอแนะอยากให้รัฐบาลปล่อยให้หน่วยงานท้องถิ่นกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผนึกกำลังทำงานให้ตรงกับความต้องการของพื้นที่นั้น ๆ เพื่อเกิดผลสัมฤทธิ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด อย่าใช้โมเดลเดียวแก้ปัญหากับทั้งหมดทั่วประเทศ เพราะสภาพปัญหาแต่ละพื้นที่แต่ละจังหวัดไม่เหมือนกัน และจะกลายเป็นว่าเกาไม่ถูกที่คัน ไม่ตรงกับความต้องการของคนในพื้นที่ ข้อสำคัญคืออย่าให้มีเรื่องทุจริต หากทำได้จะสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจในพื้นที่นั้น ๆ ได้ถูกต้องตรงจุด